• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 20 กรกฎาคม 2563

    20 กรกฎาคม 2563 | Economic News

· ยูโรแข็งค่าขึ้นใกล้สูงสุดรอบ 4 เดือน หลังเจรจายุโรปคืบหน้า

ยูโรแข็งค่าหลังจากที่ที่บรรดาผู้นำอียู กล่าวว่ามีความคืบหน้าในการเจรจาร่วมกันเพื่อหาทางสนับสนุนทางเศรษฐกิจ โดยยูโรแข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ 1.1452 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่เจ้าหน้าที่อียูเผยว่ามีความเป็นไปได้ของกองทุนเงินฟื้นฟู ขณะที่การเจรจาที่จบลงในวันนี้ นายกรัฐฯออสเตรียและเนเธอร์แลนด์ ที่เป็นสองในกลุ่มของสี่ตระหนี่ กล่าวว่า มีความคืบหน้าในการหารือกัน ถึงแม้การเจรจาใกล้จะล้มเหลว แต่ก็มีสัญญาณการประนีประนอมระหว่างกัน

ผู้อำนวยการจาก Forex at Societe Generale กล่าวว่า หากผลลัพธ์ออกมาดี ก็มีโอกาสเห็นค่าเงินยูโรแกว่งตัวไปในกรอบ 1.14 - 1.16 ดอลลาร์/ยูโร แต่หากออกมาแย่ จะมีกรอบ 1.11 - 1.14 ดอลลาร์/ยูโร

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 95.948 จุด ด้านเงินเยนอ่อนค่า 0.2% ที่ 107.29 เยน/ดอลลาร์ โดยที่เยนไม่ได้ตอบรับกับข้อมูลส่งออกญี่ปุ่นเท่าไหร่นัก ขณะที่หยวนทรงตัวบริเวณ 6.9853 หยวน/ดอลลาร์


· นายกรัฐมนตรีเนเธอแลนด์ ชี้ หารือกองทุนฟื้นฟูอียูมีความคืบหน้า แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลว

โดยหลังจากที่ประชุมอียูจบก็ระบุถึงความคืบหน้าในการหารือข้อตกลงเกี่ยวกับแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ Covid-19 แต่ก็กล่าวเตือนว่าการหารือใดๆก็อาจเผชิญกับความล้มเหลวตามมาได้ ขณะที่นายชาร์ล ไมเคิล ประธานที่ประชุม ระบุว่า การเจรจาเป็นลักษณะ "Mission Impossible"


· ส่งออกญี่ปุ่นหดตัว เสี่ยงเพิ่มภาวะเศรษฐกิจกิจขาลงทั้งในและนอกประเทศ

ยอดส่งออกญี่ปุ่นดิ่งลงเท่าตัวในช่วง 4 เดือนนี้ในเดือนมิ.ย. ท่ามกลางสัญญาณของวิกฤตไวรัสโคโรนาที่กลับมาอีกครั้ง ทำให้ภาพของเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะที่ถดถอยที่ย่ำแย่ที่สุด และยาวนานที่สุด จากภาวะเศรษฐกิจขาลงทั่วโลก

ภาคการขนส่งญี่ปุ่นปรับตัวลงไปเกือบครึ่งอีกครั้ง อันเนื่องจากอุปสงค์รถยนต์และอะไหล่ยนต์ที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับยอดส่งออกไปยังจีนยังอ่อนแอ จึงบ่งชี้ถึงภาวะขาดแคลนความแข็งแกร่งทางด้านการเติบโตของกลุ่มเอนจิ้นท์ทั่วโลก

รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง (MOF) แสดงให้เห็นว่ายอดส่งออกญี่ปุ่นในเดือนมิ.ย. ร่วงลง -26.2% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และยังปรับลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์จาก Reuters วิเคราะห์ไว้ว่าจะร่วงลง -24.9% ขณะที่การหดตัวล่าสุดต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ร่วงลงไปกว่า -28.3% ซึ่งเป็นภาวะที่ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ก.ย. ปี 2009

ขณะที่อุปสงค์ทั่วโลกในกลุ่มรถยนต์และสินค้าคงทนหดตัวลงตั้งแต่มี.ค. ที่ผ่านมา อันเนื่องจากไวรัสโคโรนาส่งผลให้เกิดภาวะ Lockdown ในหลายๆประเทศ


· ธปท.ชี้เศรษฐกิจใช้เวลาฟื้นตัว 2 ปี เล็งมาตรการเฟส 3

ธปท.ระบุเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว ใช้เวลา 2 ปีกว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติปลายปี 64 ก่อนเกิดไวรัสโคโรนา เตรียมอัดมาตรการเฟส 3 ช่วยเหลือเชิงลึกเฉพาะเจาะจงรายกลุ่มรายบุคคล ระบุไม่กังวลเงินทุนไหลออกกดดันบาทอ่อนค่ามากกว่าภูมิภาค เหตุสภาพคล่องสูง ไม่กระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจและดอกเบี้ยในประเทศ

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาวิชาการ “ชวนคุยชวนคิด ปรับวิถีธุรกิจท้องถิ่นในโลกใหม่อย่างยั่งยืน” ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 โดยเป็นการทยอยฟื้นตัวจนถึงปลายปี 64 ใช้เวลา 2 ปี เศรษฐกิจจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อนเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส เหมือนเครื่องหมายถูกหางยาวที่ใช้ระยะเวลาฟื้นนาน

การแก้ไขปัญหาช่วงวิกฤตไวรัสโคโรนาจะแตกต่างจากวิกฤตต้มยำกุ้ง เรามีประสบการณ์และบทเรียนจากการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้ว อีกทั้งช่วงนี้ประเทศไทยมีพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังแข็งแรง จากดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล สถาบันการเงินแข็งแรง และมีทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับสูง ซึ่งไทยเราไม่ได้มีการพึ่งพิงเงินกู้จากต่างประเทศมากเหมือนประเทศอื่น โดยสถานะการเงินของไทยยังเข้มแข็ง ทำให้ไม่จำเป็นต้องกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ และทำให้รัฐบาลสามารถทำมาตรการในการดูแลเศรษฐกิจที่หลากหลายได้ ทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง


· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับปริมาณความต้องการเชื้อเพลิงที่ฟื้นตัวอาจได้รับผลกระทบจากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น

อ้างอิงจากสำนักข่าว Reuters ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกพุ่งขึ้น 14.5 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิต 604,000 ราย

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 36 หรือคิดเป็น 0.8% ที่ระดับ 42.78 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 34 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.8% ที่ระดับ 40.25 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com