ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง ท่ามกลางความตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน ขณะที่ยูโรยังคงทรงตัวแถวระดับสูงสุดรอบ 21 เดือน
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงจากระดับสูงสดในรอบ 6 เดือน ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวใกล้ระดับสูงสดในรอบ 21 เดือน เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ รวมทั้งราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
เป็นครั้งแรกที่ค่าเงินยูโรมีการซื้อขายที่โดดเด่น หลังอียูบรรลุข้อตกลงในแผนการฟื้นฟูส่งผลให้ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2018 โดยค่าเงินยูโรยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดที่ 1.1611 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.6% ในสัปดาห์นี้
นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกแรงเทขายเข้ามาในค่าเงินดอลลาร์ ดังนั้นเราจึงเห็นค่าเงินดอลลาร์ลดลง 1.4% เทียบกับค่าเงินสกุลหลักอื่นๆ โดยเคลื่อนไหวแถวระดับ 94.645 จุด และภาพรวมรายสัปดาห์ปรับตัวลงติดต่อกัน 5 สัปดาห์
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 1.3% สำหรับวันนี้ตลาดญี่ปุ่นจะปิดทำการเนื่องในวันธนาคารปิดทำการเนื่องในวันสุขภาพและกีฬาแห่งชาติ
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง ท่ามกลางความตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน
ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงในวันนี้ เนื่องจากเหล่านักลงทุนกังวลเรื่องการเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังจากจีนโต้กลับสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯในเมิืองเฉิงตู
โดยดัชนีกลุ่มบลูชิพ CSI300 ร่วงลง 4.4% ที่ระดับ 4,505.59 ขณะที่ดัชนี Shanghai Composite ลดลง 3.9% ที่ระดับ 3,196.77 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับร่วงลง ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่กดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง ท่ามกลางประเด็นความตึงเครียดที่ีเพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่กดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนในตลาด
โดยดัชนี Stoxx600 ร่วงลง 1.4% ด้านหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 3% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนลบ
ด้านเหล่านักลงทุนทั่วโลกจะตอบสนองต่อการตอบโต้ของจีนต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯในการบังคับปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮุสตัน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นฮอตสปอตสำหรับจารกรรมและขโมยทรัพย์สินทางปัญญา
ขณะที่ในวันนี้ทางจีนโต้กลับสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯในเมิืองเฉิงตู หลังประกาศปิดดังกล่าว ทางรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน ก็กล่าวให้สัมภาษณ์กับ CNBC โดยระบุว่า การตอบโต้ดังกล่าวขึ้นอยู่กับการดำเนินการของสหัรฐฯ และทางจีนขอเรียกร้องให้สหรัฐฯยกเลิกการตัดสินใจที่ผิดพลาดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในการรักษาความสัมพันธ์ของสองประเทศให้กลับสู่ภาวะปกติ
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
· ส่งออกมิ.ย.ลบ 23.17% ต่ำสุดรอบ 131 เดือน
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการส่งออกของประเทศ ในช่วงเดือนมิ.ย. 63 พบว่า การส่งออกยังคงติดลบอยู่ที่ 23.17% เป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 131 เดือน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 16,444 ล้านเหรียญ และการส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ติดลบ 7.09% คิดเป็นมูลค่า 114,343 ล้านเหรียญ
โดยปัจจัยที่ทำให้การส่งออกยังคงลดลง เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากโควิด-19 กลับมาระบาดรอบสองในหลายประเทศ ทำให้กำลังซื้อของคู่ค้าลดลงมีผลกับการส่งออกของไทย ประกอบกับราคาน้ำมันยังปรับราคาสูงขึ้นไม่มากมีผลกับการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันให้หดตัวลงตามไปด้วย โดยน้ำมันสำเร็จรูปส่งออกลดลง 36.3% และราคาน้ำมันอาจไม่ฟื้นตัวเร็วนัก รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบลดลง 43.2% เครื่องจักรกลและส่วนประกอบลดลง 31.8% ทองคำลดลง 86% ข้าวลดลง 25.6% แต่เชื่อว่าการส่งออกในภาพรวมได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และหลายตลาดเริ่มมีการกลับมาฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยการส่งออกในภาพรวมของประเทศทั้งปีคาดว่าจะติดลบอยู่ที่ 8-9%
ขณะที่การนำเข้าในช่วงเดือนมิ.p.ติดลบ 18.05% คิดเป็นมูลค่า 14,834 ล้านเหรียญ การนำเข้าช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ติดลบ 12.62% คิดเป็นมูลค่า 103,642 ล้านเหรียญ ส่งผลดุลการค้าในเดือนมิถุนายนเกินดุลที่ 1,610 ล้านเหรียญ และดุลการค้าในช่วง 6 เดือนแรก เกินดุล 10,701 ล้านเหรียญ
· สมาคมค้าทองคำ เผยบรรยากาศซื้อขายทองคำยังคึกคัก โดยมีคนนำมาขายอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มากเท่าเดือนเม.ย. ย้ำ ขายปุ๊บรับเงินสดปั๊บไม่ต้องรอเหมือนช่วงก่อนหน้า ยอมรับมีบางส่วนเข้ามาซื้อเก็งกำไร หวังราคาวิ่งแตะ 3 หมื่นบาท เตือนความเป็นไปได้ในปีนี้มีน้อย เหตุราคาพุ่งมาแล้ว20%
· รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ได้เห็นชอบ 3 มาตรการสำคัญด้านท่องเที่ยว คือการอนุญาตให้ต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในรูปแบบ
แพ็กเกจทัวร์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ,การดำเนินการต่อผู้ถือบัตรสมาชิก ไทยแลนด์ อีลิท การ์ดและการอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะไปคุยรายละเอียดกับคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และกระทรวงสาธารณสุข ก่อนจะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
· สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์"ลาออกจากบอร์ด PTT-PTTGC หลังมีชื่อเป็น รมว.พลังงาน
บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) แจ้งว่านายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ กรรมการและกรรมการกำกับดูแลกิจการ ได้ขอลาออกจากการเป็นกรรมการของบริษัท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.63 เป็นต้นไป
ล่าสุดบมจ.ปตท. (PTT) แจ้งด้วยว่านายสุพัฒนพงษ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการ และประธานกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร ได้แจ้งลาออกจากตำแหน่งกรรมการ ปตท. เนื่องจากมีภารกิจอื่น โดยการลาออกให้มีผลตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.63
อ้างอิงจากกรุงเทพธุรกิจ
เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวน ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 10 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม3,279 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 58 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,107 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 114 ราย