ตลาดหุ้นสหรัฐฯคืนวันศุกร์ปิดปรับลงต่อเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความเกี่ยวกับตึงเครียดทางความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ดูจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยดัชนี S&P500 ปิด -0.6% ที่ 3,202.73 จุด ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดรอบสัปดาห์ ขณะที่ดาวโจนส์ปิด -0.7% ที่ 26,469.55 จุด และ Nasdaq ปิด -0.9% ต่ำสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์
ทั้งนี้ ปัญหาหลักมาจากการที่ทั้งสองประเทศมีการสั่งปิดสถานกงสุลระหว่างกัน ที่ไม่เพียงแต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดแดนลบ แต่ยังส่งผลให้หุ้นเอเชียและยุโรปปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -1.7% ที่ 367.29 จุด ซึ่งเป็นต่ำสุดในรอบกว่า 4 สัปดาห์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯคืนวันจันทร์ปิดปรับขึ้นตามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด +115 จุด หรือ +0.4% ที่ 26,584 จุด ด้าน S&P500 ปิด +0.7% ที่ 3,239 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +1.7% ที่ 10,5396 จุด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อันได้แก่ Durable Goods Orders เดือนมิ.ย. ปรับขึ้นได้ 7.3% สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะปรับขึ้นได้ 7%
ดาวโจนส์เมื่อคืนนี้ปิดปรับลงจากหุ้นกุล่มเทคโนโลยี ขณะที่ตลาดจับตาการหรือแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับลง 205.49 จุด หรือ -0.8% ที่ 26,379.28 จุด ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิด -1.3% ที่ 10,402.09 จุด และ S&P500 ปิด -0.6% ที่ 3,218.44 จุด
CEO จาก Strategic Wealth Partners กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลครั้งใหญ่ต่อตลาดในขณะนี้คือการเคลื่อนไหวของกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ ประกอบกับนักลงทุนมีการลดสถานะการถือครองในพอร์ตการลงทุนลง