MTS Help Center

อ้างอิงจากบทความของ Live Mint ที่สรุปเนื้อหาของบรรดาสถาบันการเงินชั้นนำรายใหญ่ๆที่มองว่าหลังราคาไปทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็มีโอกาสยืนเหนือ 2,000 เหรียญได้

JPMorgan Chase&Co. คาดทองคำมีการปรับขึ้นมาแล้วในปีนี้กว่า 27% ขณะที่ Goldman Sachs Group Inc., Citigroup Inc. และ Bank of America Corp มองว่าการขึ้นครั้งล่าสุดยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดและมีโอกาสเห็นทองคำขึ้นไปได้มากถึง 3,000 เหรียญ

ทองคำถูกต้องการในฐานะ Safe-Haven ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาทั่วทุกมุมโลก เราจึงเห็นทองคำทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ที่ 1,981.27 เหรียญเมื่อวันอังคาร หรือปรับขึ้นได้ประมาณ 60 เหรียญจากสูงที่สุดที่ทำไว้ในปี 2011 โดยปัจจัยสนับสนุนทองคำยังมาจาก

Ø  อัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่มีการปรับตัวลง

Ø  การอ่อนค่าของดอลลาร์

Ø  การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของรัฐบาลต่างๆ

Ø  ความตึงเครียดระหว่างสหารัฐฯ-จีน

Ø  เงินเฟ้อที่อยู่ต่ำกว่าระดับศูนย์

นักวิเคราะห์จาก JPMorgan กล่าวว่า แนวโน้มทองคำดูจะยังสดใสก่อนจะปรับตัวลงในช่วงสิ้นปี ซึ่งทองคำดูจะเคลื่อนไหวทรงตัวในกรอบใกล้กับระดับสูงสุดที่เพิ่งทำไว้ ขณะที่อีกปัจจัยที่สนัตบสนุนราคาทองคำคือการที่สัญญาทองคำในตลาดCOMEX มีการขึ้นไปแตะ 2,000 เหรียญได้เป็นที่เรียบร้อย ประกอบกับปัจจัยของอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่ติดลบอย่างมาก เงินเฟ้อที่อยู่ต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ที่ 2% และตลาดแรงงานที่มีแนวโน้มจะอ่อนตัวต่อในปี 2010

นักวิเคราะห์จาก Bank of America (BofA) ยังคงคาดการณ์ราคาทองคำเมื่อเดือนเม.ย. ที่มองทองจะขึ้นไปถึง 3,000 เหรียญ ในอีก 18 เดือน

Citigroup คาดราคาทองคำจะอยู่ในกรอบขาขึ้น และมีโอกาสเห็นทองคำผ่าน 2,000 เหรียญไปได้ในเร็วๆนี้ พร้อมปรับเป้าหมายทองคำระยะสั้นไว้ที่ 2,100 เหรียญ โดยภาพรวมเชื่อว่าทองคำน่าจะขึ้นได้อีกเป็นเวลานาน ซึ่งในช่วง 6-12 เดือนทองคำจะยังเป็นขาขึ้นและมีโอกาสขึ้นไปที่ 2,300 เหรียญได้

Goldman Sachs คาดทองคำจะแตะ 2,300 เหรียญได้ในอีก 12 เดือน ท่ามกลางดอลลาร์ที่ดูจะเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่า

สัญญาการปรับขึ้นของทองคำมีมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2019 ที่เฟดมีมุมมองต่อความไม่แน่นอนในเรื่องดอกเบี้ยเพราะกังวลต่อผลกระทบของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนในเวลานั้น ขณะที่ช่วงต้นปีนี้เกิดภาวะตึงเครียดทางการเมือง และสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาที่ดูจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจทั่วทุกมุมโลกและทำให้ปีนี้ทองคำมีการปรับขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 10 ปี

UBS Group มองว่า ทุกๆการเคลื่อนไหวของราคาทองคำมาจากความกังวลแบบเดียวกับที่เคยทำให้ทองคำเมื่อช่วงก.ย. ปี 2011 ปรับขึ้นทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าและเงินเฟ้อนั้นปรับขึ้น แต่ในเวลานี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำ แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนว่าผลกระทบที่จะเกิดกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการว่างานทั่วโลกจะมีขนาดใหญ่เช่นไรจากวิกฤติทางด้านสุขภาพในเวลานี้

ดังนั้น UBS จึงคาดว่าราคาทองคำจะไปแตะ 2,000 เหรียญ และนี่อาจเป็นภาวะ New Normal รวมทั้งอาจเห็นราคาทองคำขึ้นไปที่ 2,300 เหรียญจากสภาวะความเสี่ยงต่างๆ แต่ในปีหน้าทองคำก็อาจอ่อนตัวลงมาได้

แต่ในความเป็นจริงแล้วราคาทองคำอาจอ่อนตัวลงมาได้ในช่วงกลางปีหน้า จากแรงกดดันที่ว่าธนาคารกลางต่างๆจะไม่สามารถคงการผ่อนคลายทางการเงินไว้ได้ดังเดิม และนักลงทุนจะเริ่มให้ความสนใจกับทางเลือกในการฟื้นคืนเศรษฐกิจ

หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Invesco Ltd. ระบุว่า เราเรียนรู้จากปีนี้เกี่ยวกับการคาดหมายที่เหนือความคาดหมาย โดยทองคำถูกคาดว่าจะปรับขึ้นต่อแต่อาจจะมีการเคลื่อนไหวในกรอบไปก่อนโดยปัจจัยสนับสนุนทองคำหลักๆมาจากจำนวนยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้น, อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ และความเสี่ยงทางการเมือง

ที่มา: Live Mint