· ดอลลาร์ทรงตัว ตลาดจับตาผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวในวันนี้ หลังจากที่อ่อนค่าไปอย่างยาวนานต่อเนื่องในรอบกว่า 10 ปี ท่ามกลางตลาดที่มีการ Short ในค่าเงิน ขณะที่ปัจจัยกดดันดอลลาร์ถูกบดบังจากข้อมูลจ้างงานภาครัฐบาลสหรัฐฯที่ออกมาดีขึ้น ขณะทีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับขึ้นในสัปดาห์นี้ด้วยยอดขายตราสารหนี้ที่ระดับ 1.12 แสนล้านเหรียญ
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 1.1791 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากไปทำสูงสุดรอบ 2 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ระดับ 1.1915 ดอลลาร์/ยูโร
ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 93.339 จุด ด้านเงินเยนทรงตัวที่ 105.75 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ลงไปทำแข็งค่ามากที่สุด 104.17 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้านหลักอยู่ที่ 106.46 เยน/ดอลลาร์
นักลงทุนวิตกกังวลกับความตึงเครียดรอบใหม่ของสหรัฐฯและจีนที่มีกำหนดเจรจาการค้า 15 ส.ค. นี้ แม้ว่าสหรัฐฯจะมีการประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ฮ่องกงและจีนเพิ่ม และสถานการณ์ที่ย่ำแย่ดูจะส่งผลบวกต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ในคืนวันพุธสหรัฐฯจะมีการประกาศข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และในคืนวันศุกร์จะมีตัวเลขยอดค้าปลีกที่หากออกมาแข็งแกร่งก็จะสะท้อนถึงภาวะค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นก่อนเผชิญภาวะ Lockdown ทางเศรษฐกิจอีกครั้ง
ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจจีนคาดฟื้นตัวต่อเนื่อง ทางด้านการผลิตอียูคาดจะออกมาดีขึ้นเช่นกัน
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นจากกลุ่มนักลงทุนที่จับตาความหวังของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวขึ้นในวันนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่จับตาการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีน
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับขึ้นแตะ 0.5673% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับขึ้นแตะ 1.2431%
กลุ่มนักลงทุนจับตาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังจากที่นายทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีการลงนามคำสั่งแบนบริษัท TikTok และ WeChat ขณะที่รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างแข็งกร้าว ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวดูจะส่งผลกระทบต่อจีนมากขึ้น
อย่างไรก็ดี คืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานใหม่ของสหรัฐฯในเดือนมิ.ย. เวลา 21.00น.
· สหรัฐอาจจะแจกเงินเยียวยา 1,200 เหรียญ แต่เงินอาจไม่พอค่าเช่าบ้านในหลายพื้นที่
พรรคการเมืองใหญ่สหรัฐทั้งเดโมแครตและรีพลับบลิกันต่างเห็นตรงกันว่าต้องมีมาตรการแจกเงินเยียวยากระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สอง แต่เงินเยียวนยา 1,200 เหรียญ อาจไม่เพียงพอกับค่าเช่าบ้านในหลายพื้นที่ของประเทศ
ความเห็นที่ยังไม่ลงตัวคือ พรรคเดโมแครตเสนอในจ่ายเงินเยียวยา 600 เหรียญ/สัปดาห์ไปจนถึงเดือนม.ค. ปีหน้า
ในขณะที่พรรครีพลับบลิกันเสนอให้ลดเงินเยียวยาเหลือ 200 เหรียญ/สัปดาห์แต่จะเพิ่มเงินชดเชย 70% ของค่าแรงแทน ไปจนถึงเดือนธ.ค.นี้
· วิธีการรับมือของบริษัทฯ จากการยกเลิกสำนักงานถาวรในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา
รายงานจาก Morgan Stanley คาดการณ์ว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาจะส่งผลให้ปฏิบัติงานที่บ้านกลายมาเป็นภาวะปกติ ขณะที่สำนักงานต่างๆ โดยเฉพาะผู้เช่าทั่วเอเชีย 3% และ 9% จะทำการยกเลิกเช่าออฟฟิศ
จากรายงานดังกล่าว จะเป็นผลให้อัตราการเช่าลดลงระหว่าง 10% และ 15% ใน 3 ปีนี้
การเช่าส่วนใหญ่มาจากสถาบันการเงินและอุตสาหกรรมไอทีซึ่งมีแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจที่วางแผนไว้อย่างดีหรือโครงสร้างพื้นฐานที่ทำงานจากที่บ้านอาจทำให้พื้นที่สำนักงานเพิ่มขึ้น ที่ 10% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้บริษัทต่างๆยังสามารถพิจารณาการย้ายหน้าที่บางส่วนไปยังสถานที่ที่มีต้นทุนต่ำเช่นอินเดียหรือเวียดนาม
ธนาคารเพื่อการลงทุนคาดการณ์ว่าหากบริษัทต่างๆมีความต้องการพื้นที่สำนักงานเพิ่มเติมพวกเขาจะใช้สถานที่ทำงานที่ยืดหยุ่นแทน
· นางเพโลซีและนาย มนูชินแถลงจะเปิดการเจรจาเกี่ยวกับมาตรการเยียวยา Covid-19 ไปจนถึงสิ้นปี 2020 ในกรอบการเจรจาที่แคบลง
นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และ นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงจะมีการเปิดให้พูดคุยมาตรการช่วยเหลือกรณีไวรัสโคโรนาอีกครั้ง
หลังจากสัปดาห์ก่อนที่การเจรจาล้มเหลว ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมจะหาทางดำเนินการด้วยตนเองแทน ท่ามกลางคำวิจารณ์จากพรรคเดโมแครตว่า สิ่งที่นายทรัมป์จะดำเนินการ ช่วยเหลือชาวอเมริกันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
· การระบาดของไวรัสอาจทำให้ประชากรชาวยุโรปนับล้านต้องเข้าสู่วิกฤตหนี้สิน
องค์กรที่ช่วยเหลือการแก้ปัญหาการเงิน ออกมาเตือนว่า จำนวนครัวเรือนที่ไม่สามารถชำระค่าใช้จ่ายครัวเรือนได้ กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
องค์กรรีโซลูชัน กล่าวว่า นับจากเดือนนี้ ครัวเรือนชาวสหราชอาณาจักรประมาณ 44% อาจจะไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้หากสูญเสียแหล่งรายได้หลักในช่วง 3 เดือนข้างหน้า
เครือข่ายสมาคมหนี้ของยุโรป กล่าวว่า ปัจจุบัน ครัวเรือนในยุโรปกว่า 10% ได้เข้าสู่ภาวะวิกฤตหนี้สินแล้ว และยังคาดว่าอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าได้
ในเดือนมิ.ย.กิจกรรมทางเศรษฐกิจตกต่ำกว่าระดับปกติ 9% เพิ่มขึ้นจากการลดลง 32% ในช่วงสองสัปดาห์แรกของการปิดตัวในเดือนมี.ค.
· เศรษฐกิจของฝรั่งเศสตกต่ำกว่าระดับปกติ 7% ในเดือน ก.ค.
ธนาคารแห่งชาติฝรั่งเศสกล่าวว่า
เศรษฐกิจของฝรั่งเศสตกต่ำกว่าระดับปกติ 7% ในเดือน ก.ค. จากการฟื้นตัวเล็กน้อยในเดือนมิ.ย.เนื่องจากภาคการก่อสร้างปรับตัวใกล้กับช่วงเวลาก่อนวิกฤตไวรัสโคโรนาและการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นในภาคอุตสาหกรรม
ธนาคารกลางฝรั่งเศส เผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการเติบโตภาคธุรกิจของฝรั่งเศสที่หดตัวลงไป 13.8% ตามคาดการณ์ จากเดิมในเดือนมิ.ย. ที่เติบโตได้ที่ 9% แต่ก็อยู่ต่ำกว่าระดับปกติ
· สถิติผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศบราซิลเพิ่มสูงถึงจำนวน 3,035,422 ราย และผู้เสียชีวิต 101,049 ราย
ประเทศบราซิล รายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ 23,010 ราย และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 572 ราย โดยประเทศบราซิลเป็นประเทศที่มีสถิติการติดเชื้อไวรัสย่ำแย่ที่สุดเป็นอันดับที่สอง รองจากสหรัฐฯ
· เงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมของจีน ปรับสูงขึ้น ในช่วงที่เกิดภัยน้ำท่วมในจีน
เงินเฟ้อภาคการบริโภคเดือนกรกฎาคมของจีนเร่งตัวสูงขึ้น แลภาวะเงินฝืดภาคการผลิตปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวจากการระบาดของไวรัส และยังเผชิญปัญหาน้ำท่วมก็ตาม
ราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้นในเดือนนี้ เนื่องจากเกิดปัญหาด้านการขนส่งเนื่องจากภัยน้ำท่วมในภาคกลางและภาคใต้ของจีน
อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวน ปรับเพิ่มขึ้น 0.5% เทียบกับปีก่อน เป็นตัวเลขที่อ่อนแอที่สุดตั้งแต่ปี 2010 เทียบกับการปรับเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน 0.9% เทียบปีก่อน
· จีนส่งเครื่องบินรบ ขณะที่สหรัฐฯให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างเต็มที่
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เครื่องบินไอพ่นของกองทัพอากาศจีนข้ามเส้นกึ่งกลางของช่องแคบไต้หวันในช่วงสั้น ๆ
เมื่อวันจันทร์และถูกติดตามโดยขีปนาวุธของไต้หวัน รัฐบาลไต้หวันกล่าว
ขณะที่นายอเล็กซ์ อาซาร์หัวหน้าด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนไต้หวันเพื่อให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์
นายอาซาร์เดินทางมาถึงไต้หวันเมื่อวันอาทิตย์ในฐานะเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของสหรัฐฯเป็นการเยี่ยมเยียนในรอบ 4 ทศวรรษ ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ถูกประณามโดยจีนซึ่งกล่าวอ้างว่าเกาะนี้เป็นของตนเองและสร้างความวุ่นวายให้กับความสัมพันธ์ระหว่างจีน – สหรัฐฯ
ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่แย่ลงระหว่างวอชิงตันและปักกิ่ง ฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนไต้หวันมากขึ้นและกระตุ้นยอดขายอาวุธให้กับไต้หวัน
นางไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีของไต้หวันกล่าวว่าการที่นายอาร์ซาร์มาเยือนไต้หวันถือเป็นความร่วมมือครั้งใหญ่ในการต่อต้านการระบาดระหว่างประเทศ โดยกล่าวถึงความร่วมมือต่างๆรวมถึงการวิจัยและผลิตวัคซีนและยา
· บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลกร่วมกันลดกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน และบันทึกลดมูลค่าสินทรัพย์มูลค่ามหาศาล
บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ 5 แห่งรวมกันบันทึกตัดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีลงกว่า 50,000 ล้านเหรียญในไตรมาส 2/2020 นี้ และลดกำลังการผลิต ในช่วงการเกิดการระบาดโคโรนาไวรัสที่ความต้องการใช้น้ำมันลดลงอย่างมาก
ผู้บริหารหลายท่านกล่าวว่า บริษัทบันทึกลดมูลค่าสินทรัพย์ เนื่องจากคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันจะยังคงต่ำต่อไปอีกหลายไตรมาส ตราบเท่าที่ประชากรยังเดินทางน้อยลง และโลกระบาดคร่าชีวิตคนกว่า 700,000 ทั่วโลก
· น้ำมันดิบปรับขึ้น 1% หลังจากบริษัท Aramco's ของซาอุดิอาระเบียปรับเพิ่มมุมมองอุปสงค์พลังงาน ขณะที่อิรักปรับลดกำลังการผลิต
ราคาน้ำมันดิบวันนี้ปรับขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจาก มุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันในเอเชีย และการที่อิรักให้สัญญาณจะทำการปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น แม้จะมีความไม่แน่นอน
เกี่ยวกับข้อตกลงทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ดูจะเป็นปัจจัยจำกัดการขึ้นของราคาน้ำมันวันนี้
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 34 เซนต์ หรือ +0.8% ที่ระดับ 44.74 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 47 เซนต์ หรือ +1.1% ที่ 41.69 เหรียญ/บาร์เรล
โดยภาพรวมน้ำมันดิบทั้ง 2 ชนิดปรับตัวลงเพราะได้รับผลกระทบจากความกังวลเรื่องอุสงค์น้ำมัน
นักกลยุทธ์การตลาดจาก CMC Markets กล่าวว่า ถ้อยแถลงของบริษัท Aramco ได้ช่วยหนุนตลาดในเวลานี้
CEO ของบริษัท Aramco's ของซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า อุปสงค์น้ำมันในเอเชียจะรีบาวน์ขึ้นจากเศรษฐกิจที่ค่อยๆฟื้นตัว หลังจากที่มีการผ่อนคลาย Lockdown ประเทศ
ในวันศุกร์ที่ผ่านมา อิรักเผยจะทำการเพิ่มการปรับลดกำลังการผลิตลงมาที่ 400,000 บาร์เรล/วัน ในเดือนส.ค. และก.ย. ที่อาจช่วยสนับสนุนกับการปรับลดกำลังการผลิตร่วมกับกลุ่มโอเปกได้ และจะส่งผลให้ภาพรวมของอิรักมีการลดกำลังการผลิตลงได้มากถึง 1.25 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนนี้และเดือนหน้า