MTS Help Center

· หุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสาน หลังหุ้นสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ ขณะที่อัตราว่างงานออสเตรเลียแตะระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี

ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสาน หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

อ้างอิงจากสำนักข่าว Reuters ระบุว่า ข้อมูลภาคแรงงานออสเตรเลียที่ประกาศในวันนี้ แสดงให้เห็นว่า อัตราการว่างงานประจำเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงขึ้นในรอบ 22 ปี ที่ระดับ 7.5%

ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในรัฐวิกตอเรีย เจ้าหน้าที่ต้องกำหนดเคอร์ฟิวตอนกลางคืนและเข้มงวดกวดขันอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในเมลเบิร์น

· หุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ดอลลาร์อ่อน นักลงทุนตอบรับทิศทางเชิงบวก

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากเหล่านักลงทุนที่ตอบรับต่อทิศทางเชิงบวกเกี่ยวกับข้อมูลทางเศรษฐกิจและการคาดการณ์เกี่ยวกับการประชุมครั้งสำคัญระหว่างสหรัฐฯ-จีนในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.1% ด้านดัชนี Nikkei พุ่งขึ้น 1.8%

· หุ้นจีนปิดทรงตัว ก่อนหน้าการประชุมข้อตกลงการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ

ตลาดหุ้นจีนปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ก่อนหน้าการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศ ในประเด็นข้อตกลงการค้าระหว่างกัน ในวันที่ 15 ส.ค.นี้ หลังจากทั้งสองมหาอำนาจได้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟส 1 ไปเมื่อต้นปีนี้

โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.04% ที่ระดับ 3,320.73 จุด ด้านดัชนีกลุ่มบลูชิพ CSI300 ลดลง 0.26%

ทั้งนี้ การหารือระดับสูงระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะเป็นการหารือแบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมีนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และรองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอ โดยวาระการหารือจะเน้นไปที่รายละเอียดของข้อตกลงการค้าเฟส 1

· หุ้นยุโรปปรับตัวลดลง ก่อนหน้าการประกาศข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯคืนนี้

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง เนื่องจากเหล่านักลงทุนเนื่องจากนักลงทุนติดตามความคืบหน้าในการเจรจาเกี่ยวกับแพคเกจกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาและรอข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานล่าสุดของสหรัฐฯ

โดยดัชนี Stoxx600 ปรับลดลง 0.4% ท่ามกลางหุ้นโทรคมนาคมที่เคลื่อนไหวในแดนลบ

· นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือน ส.ค.63 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าลดลง 16% อยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเหมือนเดือนก่อน

นักลงทุนคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว และนโยบายภาครัฐ รวมถึงความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19

สำหรับปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมา คือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

ทั้งนี้ FETCO Investor Confidence Index สำรวจในเดือนก.ค.63 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ตุลาคม 2563) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80 – 119) โดยลดลง 16% มาอยู่ที่ระดับ 85.26

ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มอยู่ในระดับทรงตัว โดยความเชื่อมันกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับขึ้นมาเล็กน้อยที่ 87.04 ในขณะที่ความเชื่อมั่นของกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลดลงที่ 83.33 สถาบันในประเทศปรับลดลงที่ 89.47 และนักลงทุนต่างชาติปรับตัวลดลงที่ 83.33

อ้างอิงจากกรุงเทพธุรกิจ

· รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม. เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบ ให้กำหนดวันหยุดราชการ ในเดือนกันยายน 2563 เพิ่มขึ้น 2 วัน นั่นคือ วันศุกร์ที่ 4 ก.ย. และวันจันทร์ที่ 7 ก.ย. เพื่อชดเชยวันหยุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2563 ทำให้ หยุดรวม 4 วันคือวันที่ 4-7 กันยายน 2563

· เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 63 เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,359 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 58 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,169 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 132 ราย