ทองรีบาวน์กว่า 2% จากความเชื่อมั่นในตลาดที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่า
· ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้กว่า 2% ทำสูงสุดรอบเกือบ 1 สัปดาห์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร คู่กับการที่บริษัท Berkshire Hathaway ของนายวอเร็น บัฟเฟ็ต เข้าซื้อหุ้นบริษัทเหมืองทองรายใหญ่อย่าง Barrick Gold Corp มูลค่า 20.9 ล้านหุ้น จึงช่วยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน
· ราคาทองคำตลาดโลกปิด +1.9% ที่ 1,981.41 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +2.5% ที่ 1,998.7 เหรียญ
· กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ซื้อทองคำเพิ่ม 4.09 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,252.38 ตัน
· ราคาทองคำสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่มี.ค. ท่ามกลางนักลงทุนที่กลับมาประเมินสถานะในการลงทุนของตนเองอีกครั้งหลังจากที่ราคาร่วงลงจากสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 2,072.5 เหรียญเมื่อวันศุกร์ที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา
· นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า ความต้องการทองคำของนายวอเร็น บัฟเฟ็ต คือข้อเท็จจริงที่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดทองคำเวลานี้ หลังจากที่บริษัทของเขามีการยื่นเรื่องเข้าซื้อหุ้นเหมืองทองของบริษัทBarrick Gold Corp. แม้ว่าการซื้อหุ้นดังกล่าวจะไม่ใช่ทองคำที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ข่าวดังกล่าวถือเป็นที่สนใจสำหรับผู้ต้องการจะเข้าซื้อทองคำ และดูเหมือนจะยืนยันถึงความเชื่อมั่นเชิงบวกจึงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพิ่ม
· กลุ่มนักลงทุนกำลังรอคอยรายงานการประชุมเฟดประจำเดือนก.ค. ในคืนวันพุธนี้
· นักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดอาวุโสจาก RJO Futures ระบุว่า ตลาดกำลังคาดหวังที่จะเห็นเฟดมีท่าทีค่อนข้างผ่อนคลาย และนั่นจะทำให้ราคาทองคำมีโอกาสยืนเหนือ 2,000 เหรียญได้ก่อนการประชุมเฟดรอบต่อไป ขณะที่สิ้นปีนี้คาดทองคำมีโอกาสแตะ 2,250 เหรียญ
· ซิลเวอร์ปิด +3.7% ที่ 27.37 เหรียญ ด้านแพลทินัมปิด +1.5% ที่ 950.03 เหรียญ ด้านพลาเดียมปิด +4.1% ที่ 2,194.55 เหรียญ
· สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:
ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดรวมทะลุ 22 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่อัตราผู้เสียชีวิตสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 776,795 ราย โดยที่สหรัฐฯล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกและทะลุ 5.6 ล้านราย ในส่วนของอัตราผู้เสียชีวิตสูงกว่า 173,000 ราย ซึ่งภาพรวมอัตราการติดเชื้อรายวันของสหรัฐฯเฉลี่ยอยู่ที่ 50,000 ราย/วัน ขณะที่รัฐเท็กซัสกลายเป็นรัฐที่ 4 ที่มียอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาทะลุ 10,000 ราย
รายงานจาก CNBC เผย ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กจะอนุญาตให้กลับมาเปิดสถานออกกำลังกายหรือยิมต่างๆภายใน 24 ส.ค. นี้ โดยจะอนุญาตให้เปิดทำการ 33% ของพื้นที่ และต้องมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่เข้ามาใช้งาน
· กังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัว กดดันดอลลาร์อ่อนค่า
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากที่ผลสำรวจภาคการผลิตในสหรัฐฯมีการอ่อนตัวลง และยิ่งเพิ่มความกังวลต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยข้อมูลดัชนีผลสำรวจภาคธุรกิจของเฟดสาขานิวยอร์กร่วงลงแตะ 3.7 จุดในเดือนส.ค. เมื่อเทียบกับระดับ 17.2 จุดในเดือนก.ค.
ดัชนีดอลลาร์วานนี้ปรับตัวลดลง 0.16% ที่ระดับ 92.869 จุด และอยู่ไม่ห่างจากที่เคยทำระดับต่ำสุดรอบ 2 ปีเมื่อช่วงปลายเดือนก.ค. ที่ผ่านมา
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดยังคงอ่อนตัวก่อนทราบการประกาศรายงานประชุมเฟดประจำเดือนก.ค. ในคืนวันพุธนี้ โดยกลุ่มนักลงทุนกำลังคาดว่าอาจเห็นเฟดมีการปรับค่าเฉลี่ยเป้าหมายเงินเฟ้อใหม่ ซึ่งอาจมีการใช้นโยบายเพื่อผลักดันให้เงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมาย 2% หลังจากที่อยู่ระดับต่ำกว่าเป็นเวลาหลายปี
ขณะที่พรรคเดโมแครตมีการประชุม The Democratic NationalConvention หลังจากที่ นายโจ ไบเดน ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ตนและพรรคโมแครตจะมีการรวมพรรคแบบ “Big Tent” ที่ครอบคลุมถึงอดีตผู้ว่าการพรรครีพับลิกันในลักษณะของ “ประชาธิปไตยสังคมนิยม” โดยจะมีการกล่าวเปิดโดยนางมิเชล โอบามา อดีตสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ เพื่อเป็นการเปิดมุมมองทางเลือกให้แก่พรรคเดโมแครต ซึ่งจะแตกต่างการเมืองแบบแบ่งกลุ่มของนายทรัมป์ และนี่อาจสร้างความท้าทายให้แก่พรรครีพับลิกันในสัปดาห์หน้า
· สหรัฐฯประกาศคุมเข้มการเข้าถึงเทคโนโลยีและชิปของบริษัทหัวเวย
เมื่อวานนี้ทีมบริหารของนายทรัมป์ ทำการประกาศจะทำการคุมเข้มต่อการเข้าถึงเทคโนโลยีบริษัทหัวเวย โดยพุ่งเป้าไปยังการเข้าถึงชิปที่มีจำหน่ายโดยทั่วไปของบริษัทดังกล่าว พร้อมกับอาจจะมีการขยายเวลามาตรการคุมเข้มที่เคยประกาศในเดือนพ.ค. ออกไปเกี่ยวกับอุปกรณ์ด้านเซมิคอนดัคเตอร์สที่ปราศจากใบอนุญาตพิเศษ ที่จะรวมถึงชิปต่างๆที่ผลิตโดยบริษัทต่างประเทศที่ได้รับการพัฒนาหรือผลิตด้วยซอร์ฟแวร์หรือเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
ด้าน นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวถึงการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯมีการเพิ่มบริษัทที่อยู่ในเครือหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทหัวเวยอีก 38 แห่งเข้าสู่ระบบบัญชีดำทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้มีรายชื่อบริษัทที่ถูก Blacklist รวม 152 แห่ง นับตั้งแต่ครั้งแตกที่มีการเพิ่มเข้าสู่บัญชีดเมื่อพ.ค. ปี 2019
· คลังสหรัฐฯ ชี้ G7 พิจารณาขยายเวลา Freeze หนี้แก่ประเทศรายได้น้อย
โฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผย ณ ที่ประชุมรัฐมนตรีการคลังของ G7 มีการพิจารณาเงื่อนไขการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและมีความเป็นกังวลต่อระดับหนี้สินที่ดูจะสร้างปัญหาให้กับประเทศที่เผชิญกับรายได้ต่ำในเวลานี้
· ทรัมป์อาจสนับสนุนกองทุนไปรษณีย์สหรัฐฯ หากมีการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ทีมบริหารของนายทรัมป์มีความตั้งใจที่จะสนับสนุนกองทุนบริการไปรษณีย์สหรัฐฯ หากมีการอนุมัติแพ็คเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไวรัสโคโรนา
· กลุ่มผู้ผลิตญี่ปุ่นชี้ภาวะเลวร้ายผ่อนคลายลง แต่ความกังวลเรื่องการระบาดยังคงอยู่
ผลสำรวจ Tankan จากรอยเตอร์ส ชี้ว่าม กลุ่มผู้ผลิตญี่ปุ่นมีการลดมุมมองเชิงลบ โดยเห็นสัญญาณการฟื้นตัวได้อย่างช้าๆในเดือนส.ค.นี้ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังคงมีภาวะความกังวลเชิงลึกจากการระบาดของไวรัสโคโรนาอยู่ที่ส่งผลต่อภาคบริษัทและกิจกรรมของภาคครัวเรือน
· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 31.05-31.20 บาท/ดอลลาร์
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในไตรมาส 2/63 หดตัวถึง -12.2% จากตลาดคาด -13% ถึง -17% ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้ คือ ไตรมาส 3 และ 4 จะเริ่มฟื้นกลับมาดีขึ้นเมื่อเทียบรายไตรมาส แต่ยังมีโอกาสติดลบอยู่ ส่งผลให้สภาพัฒน์ปรับประมาณการ GDP ทั้งปี 63 ลงมาเหลือ -7.5% (กรอบ -7.8 ถึง -7.3%) จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือน พ.ค.ว่าจะหดตัวในระดับ -6 ถึง -5%
- ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/63 ที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์แถลงว่าหดตัว -12.2% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน เมื่อเทียบกับประมาณการล่าสุดของ ธปท. ในเดือน มิ.ย.63 พบว่าหดตัวน้อยกว่าที่ประเมินไว้จากการบริโภคภาคเอกชนและการสะสมสินค้าคงคลังเป็นสำคัญ แต่ในภาพรวมถือว่าไม่ผิดจากที่คาดมากนัก โดยยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยได้พ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2 และจะทยอยปรับดีขึ้นในระยะข้างหน้า
- รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงานและรมว.คลังเรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังเพื่อมอบนโยบายในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ ในโอกาสที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดปัจจุบัน
- ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงกรณีที่นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ออกมาระบุว่าประเทศไทยเงินหมดประเทศ และมีแนวโน้มจะเก็บภาษีพลาดเป้า 5 แสนล้านบาทว่า ปัจจุบันฐานะการคลังยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ไม่มีความน่ากังวลแต่อย่างใด แม้ว่าในปีนี้ภาพรวมการจัดเก็บรายได้จะทำได้ต่ำกว่าเป้าหมาย แต่ยังสามารถบริหารจัดการเงินคงคลังได้เป็นอย่างดี
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2/63 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน และจาก 4.1% ในไตรมาสก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ 3.1 หมื่นล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนที่อยู่ในระดับ 5.33 หมื่นล้านบาท โดยหลักจากการกันสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมรองรับคุณภาพสินเชื่อที่อาจมีแนวโน้มด้อยลง ประกอบกับรายได้จากธุรกิจหลักของธนาคารปรับลดลง
- สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยถึงภาวะสังคมไทยไตรมาส 2/63 ว่า มีผู้ว่างงาน 7.5 แสนคน คิดเป็นอัตราว่างงาน 1.95% เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากช่วงปกติ และเป็นอัตราสูงสุดตั้งแต่ไตรมาส 2/ 52 สาเหตุ ส่วนใหญ่มาจากผลจากสถานที่ทำงานปิดกิจการในช่วงสถานการณืโควิด-19 หรือหมดสัญญาจ้าง
- เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 ส.ค.นี้จะมีการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ) ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก คาดว่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยเฉพาะการดูแลประกอบการ SME และผู้ประกอบการรายเล็ก (Micro SME)