· หุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น หลังหุ้นสหรัฐฯเพิ่มขึ้นได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นอย่างระมัดระวัง โดยได้รับแรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐฯและจีน
เมื่อวานนี้ทีมบริหารของนายทรัมป์ ทำการประกาศจะทำการคุมเข้มต่อการเข้าถึงเทคโนโลยีบริษัทหัวเวย โดยพุ่งเป้าไปยังการเข้าถึงชิปที่มีจำหน่ายโดยทั่วไปของบริษัทดังกล่าว พร้อมกับอาจจะมีการขยายเวลามาตรการคุมเข้มที่เคยประกาศในเดือนพ.ค. ออกไปเกี่ยวกับอุปกรณ์ด้านเซมิคอนดัคเตอร์สที่ปราศจากใบอนุญาตพิเศษ ที่จะรวมถึงชิปต่างๆที่ผลิตโดยบริษัทต่างประเทศที่ได้รับการพัฒนาหรือผลิตด้วยซอร์ฟแวร์หรือเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนยังคงได้รับแรงหนุนจากดัชนี Nasdaq และดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยทั้งสองดัชนีได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.43%
· หุ้นญี่ปุ่นลดลง จากความไม่แน่นอนทางการเมืองกดดันความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง โดยเป็นการปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองทั่วโลกที่กดดันความต้องการสินทรัพเสี่ยงของเหล่านักลงทุน
โดยดัชนี Nikkei ลดลง 0.20% ที่ระดับ 23,051.08 จุด ร่วงลงจากระดับสูงสุดบริเวณ 23,338 ซึ่งเป็นระดับสูงุสดนับตั้งแต่ปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 0.06% ที่ะรดับ 1,610.85 จุด
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของเงินเยนทำให้เกิดแรงขายทำกำไรในตลาดซึ่งได้แรงหนุนจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ – จีนที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
· หุ้นจีนปิดปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่เพิ่มขึ้นได้ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยได้รับแรงหนุนอย่างแข็งแกร่งจากหุ้นกลุ่มสุขภาพและผู้อุปโภคบริโภค
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.36% ที่ระดับ 3,451.09 จุด ขณะที่ดัชนีกลุ่มบลูชิพ CSI300 ลดลง 0.05%
· หุ้นยุโรปปรับลดลง ถูกกดดันจากความตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน
ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวในแดนลบ เนื่องจากความตึงเครียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ
โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.7% ด้านหุ้นกลุ่มธนาคารและการเงินร่วงลง 1.1% ท่ามกลางหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนลบ
อ้างอิงสำนักข่าวอินโฟเควสท์
· "แบงก์ชาติ" เผยรอดูผลทดสอบภาวะวิกฤติของธนาคารพาณิชย์ ก่อนพิจารณาไฟเขียวจ่ายปันผลได้หรือไม่ ย้ำหากเงินกองทุนช่วง 2 ปีข้างหน้า ส่วนใหญ่สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ 12% พร้อมอนุญาตให้จ่ายได้ ขณะ "หนี้เสีย" ไตรมาส 2 ขยับแตะ 3.09% จาก3.04% ชี้ เอ็นพีแอลที่พุ่งขึ้นจากหนี้กลุ่ม สายการบินที่ตกชั้น
· อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ(คต.) เปิดเผยว่า สถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย ปี 2563 (มกราคม-มิถุนายน) มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 627,480 ล้านบาท (ลดลง 9.18%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแบ่งเป็นการส่งออก 365,207 ล้านบาท (ลดลง 8.60%) และการนำเข้า 262,273 ล้านบาท (ลดลง 9.98%) ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 102,935 ล้านบาท
· ทีมเศรษฐกิจประยุทธ์ 2/2 ลั่น ส.ค.นี้เตรียมคลอดมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจชุดใหม่ ถ้าคนไทยช่วยกันหยุดการระบาดโควิดรอบ 2 อาจไม่ต้องกู้ "ปรีดี" รับปรับบทบาทคลังคุมกระเป๋าตังค์
· "7 พรรคฝ่ายค้าน" นำร่องยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญต่อประธานสภาฯ เสนอปลดล็อกมาตรา 256 เปิดทางตั้งส.ส.ร "ชวน"มั่นใจพิจารณาทันสมัยประชุมนี้ ยอมรับแก้ ม.256 ไม่ง่าย
· "ประยุทธ์" ห่วงชุมนุมปลดแอกทำเศรษฐกิจพัง ชี้เรื่องเป็นตายของประเทศ ซัดพรรคการเมืองปรากฏตัวที่ชุมนุม ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง สั่ง อว.เร่งตั้งเวทีคุยนักศึกษา
อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาชาติธุรกิจ
· ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ปรับจีดีพีปี 63 หดตัว 8% จากคาดการณ์เดิม 5% หลังห่วงการเมือง-ขาดปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้ กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยในไตรมาส 4
ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2563 หดตัวอยู่ที่ 8% จากคาดการณ์เดิมที่คาดว่าหดตัว 5% เนื่องจากขาดปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับความกังวลด้านการเมืองในประเทศ อย่างไรก็ตาม ธนาคารปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ขึ้นเป็นเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 2% จากเดิมที่คาดจะเติบโต 1.8% เพื่อสะท้อนฐานการเติบโตที่คาดว่าจะต่ำลงในปีนี้