MTS Help Center

ทองร่วง 3% หลังรายงานประชุมเฟดหนุนดอลลาร์,ผลตอบแทนพันธบัตร

· ราคาทองคำปรับตัวลดลงไปกว่า 3% จากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น หลังรายงานประชุมเฟดเดือนก.ค. สะท้อนถึงแรงสนับสนุนเพียงเล็กน้อยในการจำกัดอัตราผลตอบแทนพันธบัตร

· ราคาทองคำตลาดโลกปิด -3.4% ที่ 1,932.09 เหรียญ ด้านสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -2.1% ที่ 1,970.3 เหรียญ

· กองทุน SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันถือครองทองคำเท่าเดิมที่ 1,252.38 ตันตลอดช่วง 3 วันทำการ

· นักวิเคราะห์ฝ่ายการตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า หนึ่งในความกังวลของเฟดคือความเป็นไปได้ในเรื่องการปรับ Yield Curve Control เพราะมีแนวโน้มจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า แต่พวกเขาก็ดูจะยังไม่พิจารณาต่อเรื่องการปรับดังกล่าวในเวลานี้ และเราคาดหวังจะเห็นผลลัพธ์ของการผ่อนคลายที่เพิ่มขึ้นจากเฟด แต่ในรายงานเมื่อคืนก็ไม่ได้เป็นไปเช่นนั้น

อย่างไรก็ดี การจำกัดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรถือเป็นเรื่องที่จะนำมาซึ่งการลดความน่าสนใจของพันธบัตรสหรัฐฯ และจะสร้างแรงกดดันให้แก่ดอลลาร์ได้ ซึ่งจากการประชุมล่าสุดที่ไม่มีแนวโน้มจะควบคุมเส้นผลตอบแทนดังกล่าวก็ได้ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและดอลลาร์ปรับขึ้นมาได้ประมาณ 0.8% และช่วยสิ้นสุดการปรับอ่อนของดอลลาร์ตลอด 5 วันทำการ ที่มีการทำต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี

· ในรายงานประชุมเฟดยังมีการย้ำถึงภาวะเศรษฐกิจขาลงจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่สร้างควมไม่แน่นอนต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มนโยบายกระตุ้นทางการเงินเพื่อสนับสนุนทางเศรษฐกิจ

· สถาบันเพื่อการลงทุน Circle Squared Alternative Investments กล่าวว่า คาดการณ์เกี่ยวกับการที่เฟดจะทำบางอย่าง แต่ก็ไม่มีสัญญาณนั้นรวมทั้งไม่มีการบ่งชี้ถึงการจะเพิ่มสภาพคล่องใดๆที่จะช่วยให้ทองคำยืนเหนือ 2,000 เหรียญได้อีกครั้ง แต่กลับทำให้เกิดแรงเทขายให้เกิดขึ้นในตลาดทองคำแทน

นอกจากนี้ ทองคำยังถูกกดดันจากการที่ทีมบริหารของสหรัฐฯ เผยว่า ร่างงบประมาณเยียวยาไวรัสโคโรนานั้นมีวงเงินน้อยลงที่อาจบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ที่ 5 แสนล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการลดลงจากกรอบที่เจรจาก่อนหน้าระหว่าง 1 – 3 ล้านล้านเหรียญ

· ราคาซิลเวอร์ปิด -3.7% ที่ 26.61 เหรียญ ขณะที่แพลทินัมปิด -2.9% ที่ 928.53 เหรียญ ขณะที่พลาเดียมปิด -1.5% ที่ 2,154.55 เหรียญ

· ประธานเฟดริชมอนด์ กล่าวว่า ความไม่แน่นอนต่างๆกำลังกดดันแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ

นายโธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนต่างๆ และกล่าวเตือนถึงเรื่องการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน, การลงทุนในภาคธุรกิจ และภาคธนาคารที่มีการขยายสินเชื่อต่างๆ ซึ่งการลดความไม่แน่นอนต่างๆ ดูจะทำได้ 2 เรื่องที่จำเป็นคือ การควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาให้ดีมากขึ้น และการช่วยเหลือของภาครัฐบาสำหรับคนตกงานและภาคธุรกิจ

· คุดโลว์ ชี้ ทรัมป์ต้องการ “ปฏิเสธจีน” สำหรับการแบ่งเงินจากการขาย TikTok

นายแลรี คุดโลว์ ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯ กล่าวว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องการขัดขวางจีนต่อการเก็บเงินบางส่วนของการจ่ายข้อตกลงในการขาย TikTok และคิดว่าเขาจะทำการปฏิเสธจีนสำหรับเงินส่วนแบ่งจากยอดขาย TikTok

· ตุรกีเจรจากับเยอรมนี, จีน, รัสเซีย สำหรับการทดสอบวัคซีน

รายงานล่าสุดจากรัคฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขตุรกี ระบุว่า ทางการตุรกีมีการเจรจากับทางรัสเซีย, เยอรมนี และจีน เกี่ยวกับการทดลองวัคซีน Covid-19 ในเฟสที่ 3

· นักบริหารเงินประเมินกรอบเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 31.25 - 31.50 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าสวนทางกับภูมิภาคจากปัจจัยในประเทศ หลังมีข่าวพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ทำให้กังวลเรื่องผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งต้องรอดูผลสอบสวนโรคว่าสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้หรือไม่

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 5 ส.ค.63 ที่มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.50% เนื่องจาก กนง.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และการทยอยฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก แต่จะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปีที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมจะกลับไปสู่ระดับเดิม และยังต้องระวังความเสี่ยงจากโอกาสเกิดการระบาดระลอกที่สอง

- พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กมีมติให้ขยายระยะเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศไทยต่อไปอีก 1เดือน คือตลอดทั้งเดือน ก.ย.63 โดยจะเสนอให้ ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาในวันที่ 21 ส.ค.63 ก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม.ในวันที่ 25 ส.ค.63

- ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบศ.) นัดแรก เห็นชอบกรอบข้อเสนอมาตรการเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย และสามารถบรรเทาผลกระทบได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด การส่งเสริมการจ้างงานโดยเฉพาะให้แก่ผู้จบการศึกษาใหม่ ควบคู่ไปกับการรักษาการจ้างงานภายในประเทศ การสนับสนุนภาคเศรษฐกิจจริงทั้งภาคการผลิตและภาคบริการให้สามารถฟื้นตัวเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนและผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อย และการรักษาเสถียรภาพทางการเงินเพื่อไม่ให้เกิดความผันผวน และบรรเทาความเสียหายที่อาจจะนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะกระทบต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ และระบบการเงินของประเทศ

- รายงานข่าวจากกรมควบคุมโรค เผยได้รับรายงานเบื้องต้นว่าโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ตรวจพบคนไทย 1 ราย ติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างเข้ามารักษาอาการป่วยในโรงพยาบาล ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ส่งทีมสอบสวนโรคลงพื้นที่ตรวจสอบรายละเอียดแล้ว และจะมีการแถลงผลให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป