• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 26 สิงหาคม 2563

    26 สิงหาคม 2563 | Gold News
 

ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากทิศทางเชิงบวกของข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน

· ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากมุมมองเชิงบวกด้านความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน จึงกดดันความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่กลุ่มนักลงทุนกำลังรอถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดในวันพรุ่งนี้


· ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.6% ที่ 1,920.91 เหรียญ ด้านสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -0.8% ที่ 1,923.10 เหรียญ

· กองทุนทองคำ SPDR หลังจากที่ไม่ได้ทำอะไรมา 5 วันทำการ ล่าสุดวานนี้ขายออก 3.51 ตัน ปัจจุบันลดการถือครองลงมาที่ 1,248.87 ตัน


· ผู้อำนวยการฝ่ายการซื้อขายโลหะมีค่าจาก High Ridge Futures กล่าวว่า สัญญาณบวกต่อความสัมพันธ์ทางการค้าที่เกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย ในขณะที่การรักษาไวรัสโคโรนาก็มีทิศทางเชิงบวกบางส่วนเช่นกัน ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดการลดการถือครองในทองคำ


· เจ้าหน้าที่การค้าระดับสูงของสหรัฐฯและจีน ต่างกล่าวยืนยันถึงข้อตกลงเฟสแรก ประกอบกับมีข่าวเชิงบวกของความคืบหน้าในการพัฒนาวิธีการรักษา COVID-19 โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯแสดงความยินดีกับองค์กรอาหารและยา (FDA) จากการใช้เลือดพลาสมาของผู้ป่วยที่หายดีแล้วมาอยู่ในกระบวนการรักษา


· ข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงในเดือนส.ค. แตะระดับตำสุดในรอบกว่า 6 ปี จากภาคครัวเรือนที่มีความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานและรายได้


· นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาแย่ ดูจะทำให้คองเกรสต้องเพิ่มการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนทั้งหมดนี้ดูจะยังหนุนแนวโน้มทองคำในทิศทางขาขึ้น

· ตลาดจับตาถ้อยแถลงประธานเฟดในวันพฤหัสบดีนี้ ณ การประชุมแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง


· ซิลเวอร์ปิด -1% ที่ 26.28 เหรียญ ด้านแพลทินัมปิด +0.7% ที่ 922.08 เหรียญ และราคาพลาเดียมปิด +0.4% ที่ 2,168.65 เหรียญ

· สถานการณ์ไวรัสโคโรนา: ยอดติดเชื้อไวรัสทะลุ 24 ล้านคนทั่วโลก เสียชีวิตรวมกว่า 822,000 ราย

ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดทะลุ 24 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 822,508 ราย ในส่วนของสหรัฐฯยังครองอันดับ 1 ที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดของโลก โดยล่าสุดยอดติดเชื้อสหรัฐฯทะลุ 5.95 ล้านรายแล้ว ขณะที่ยอดเสียชีวิตสูงกว่า 182,000 ราย

ประเทศตุรกีพบยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาใหม่สูงสุดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิ.ย. กดดันภาครัฐใช้มาตรการคุมเข้มอีกครั้ง

“กาซา” เผชิญ Lockdown หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายแรก

· 30 รัฐ ได้รับการอนุมัติสวัสดิการเยียวยาเพื่อผู้ว่างงาน มากกว่า 300 เหรียญ

30 รัฐ ของสหรัฐฯได้รับเงินสวัสดิการเยียวยาเพื่อผู้ว่างงาน ภายใต้มาตรการที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้ลงนามไว้เมื่อวันที่ 8 ส.ค. หลังจากที่ลดลงมาจาก 600 เหรียญต่อสัปดาห์

อย่างไรก็ตามแต่เพื่อให้มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือ คนงว่างงานจำนวนมากจะต้องลงทะเบียนออนไลน์ในขั้นตอนรับรองตนเองว่าว่างงานหรือว่างงานบางส่วน เนื่องจากปัญหาของ Covid-19

จากแผนการช่วยเหลือคนวา่งงาน คนว่างงานจะได้รับสวัสดิการอย่างน้อย 100 เหรียญ ต่อสัปดาห์

· พรรคร่วมรัฐบาลเยอรมนีเห็นพ้องขยายมาตรการช่วยเหลือเศรษฐกิจจาก Covid-19

พรรคร่วมรัฐบาลของเยอรมนีมีการเห็นพ้องขยายมาตรการช่วยเหลือเศรษฐกิจจากวิกฤตไวรัสโคโรนา อันประกอบไปด้วยการขยายเวลาการทำงานระยะสั้น และมีการฟรีซเงื่อนไขการไม่สามารถชำระหนี้ได้

ทั้งนี้ เศรษฐกิจเยอรมนีช่วงไตรมาสที่ 2/2020 มีการหดตัวลงอย่างหนัก ท่ามกลางรัฐบาลที่พยามจัดการกับผลกระทบของไวรัสโคโรนาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะก่อนการเลือกตั้งช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปี 2021

· สหรัฐฯ-จีน ยันทำตามข้อตกลงเฟส 1 ผ่านการเจรจาทางโทรศัพท์

เมื่อวานี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงและตัวแทนการค้าของสหรัฐฯและจีนมีการยืนยันการปฏิบัติตามข้อตกลงเฟสที่ 1 แม้ว่าจะเห็นจีนซื้อสินค้าจากสหรัฐฯได้น้อยกว่าในข้อตกลง แต่ภาพรวมและสัญญาณบวกก็ได้ช่วยหนุนตลาดการเงิน

เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) แถลงการณ์ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีความคืบหน้าในการพูดคุยกัน รวมทั้งจะเดินหน้าทำตามข้อตกลงเพื่อให้เกิดความสำเร็จร่วมกันของข้อตกลงฉบับดังกล่าว

· ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯทำต่ำสุดรอบ 6 ปี ตอกย้ำความกังวลเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯปรับตัวลงในนรอบกว่า 6 ปีในเดือนส.ค. ท่ามกลางภาคครัวเรือนที่วิตกกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงงาน และรายได้ ประกอบกับความไม่แน่นอนของเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในการก้าวออกจากภาวะถดถอยอันเนื่องจากวิกฤตไวรัสโคโรนา

Conference Board เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงมากกว่าคาดมาที่ 84.8 จุดในเดือนส.ค. และถือเป็นต่ำสุดตั้งแต่พ.ค. 2014 ขณะที่เดือนก่อนหน้าทรงตัวที่ 91.7 จุด

อย่างไรก็ดี ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 จึงบดบังข้อมูลยอดขายบ้านใหม่ที่ปรับตัวขึ้นทำสูงสุดรอบ 13 ปีครึ่งในเดือนก.ค. และเป็นสิ่งที่สะท้อนว่าตลาดที่อยู่อาศัยนั้นยังแข็งแกร่งแม้จะเผชิญกับวิกฤตไวรัสโคโรนา

นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่หายไปก็มาจากการที่สหรัฐฯหมดอายุเงินช่วยเหลือคนว่างงานรายสัปดาห์ 600 เหรียญเมื่อ 31 ก.ค. ท่ามกลางการระบาดครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นทั่วสหรัฐฯ ที่ทำให้ต้องเกิดภาวะ Shutdown ในภาคธุรกิจหรือชะลอการกลับมาเปิดทำการออกไปก่อน

· สายการบิน American Airline ปรับลดพนักงานลง 19,000 ตำแหน่ง หลังโครงการช่วยเหลือ 2.5 หมื่นล้านเหรียญ สิ้นสุดลงในเดือนต.ค.

· Republican National Convention วันที่ 2 พบการปราศรัยของสตรีหมายเลขหนึ่งและรัฐมนตรีกระรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ หลังจากที่ในวันแรกมีการกล่าวถึงหากนายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครตว่าหากได้รับชัยชนะจะเป็นการทำลายประเทศ

ด้านเดโมแครตวิจารณ์การกระทำของคู่แข่ง พร้อมตำหนินายทรัมป์ที่เป็นคนปล่อยให้เกิดการระบาดของไวรัสโคโรนาและทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 180,000 รายในสหรัฐฯ

· ผู้นำเกาหลีเหนือเรียกร้องให้มีการป้องกันไวรัสโคโรนารวมไปถึงไต้ฝุ่น

KCNA รายงานว่า นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เรียกร้องให้มีการป้องกันไวรัสโคโรนาและไต้ฝุ่น

การปะรชุมครั้งล่าสุดของพรรคแรงงานเกิดขึ้นท่ามกลางความกดดันของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีผลต่อเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ รวมไปถึงปัญหาอุทกภัย

ในการประชุมได้มีประเมินถึงข้อบกพร่องบางประการในการต่อต้านการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

เกาหลีเหนือยังไม่มีการรายงานอย่างเป็นทางการว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา แต่นายคิมกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่าไวนรัสอาจเข้ามาในประเทศได้ จึงกำหนดมมาตรการ Lockdown จากการที่ชายคนหนี่งมีอาการ จากผลลัพธ์ชายคนนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าได้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาหรือไม่

· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.35-31.50 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทแข็งค่าสุดในที่ 31.43 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากที่ตลาดรับข่าวเรื่องสหรัฐฯและจีนได้มีการหารือถึงข้อตกลงทางการค้าทางโทรศัพท์ ซึ่งเลื่อนออกมาจากวันที่ 15 ส.ค. โดยจีนระบุว่าจะดำเนินการตามข้อตกลงที่เคยทำไว้กับสหรัฐฯ ซึ่งตลาด ถือว่าเป็นข่าวดีในระยะสั้นๆ

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุว่า ยังคงประมาณการส่งออกของปี 63 ที่ -10.4% แม้มูลค่าการส่งออกเดือนก.ค. 63 หดตัวที่ -11.4%YOY หดตัวน้อยลงจาก -23.2%YOY ในเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงการผ่านจุดต่ำสุด (bottomed out) ของภาคการส่งออกไทยและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มปรับดีขึ้นหลังผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง

- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) มีมติอนุมัติให้ขยายเวลาการใช้อัตราจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ 7% ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่ 1 ต.ค.63-30 ก.ย.64 เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนและสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคธุรกิจ

- อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯได้ปรับแผนงานและกลยุทธ์ในการส่งเสริมและผลักดันการค้าระหว่างประเทศให้สามารถดำเนินไปได้ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ไทยเป็น 1 ใน 5 (Top 5) ของเอเชียในด้านการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศ ภายในปี 2570 ซึ่งการไปสู่เป้าหมายดังกล่าวจะต้องเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้ได้อย่างน้อยปีละ 12,000 ล้านเหรียญหรือเพิ่มขึ้นเดือนละ 1,000 ล้านเหรียญ

- สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P Global Ratings หรือ เอสแอนด์พี ประกาศปรับอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของทีเอ็มบีเพิ่มขึ้น 1 อันดับจาก BBB- เป็น BBB โดยระบุว่าการรวมกิจการระหว่างทีเอ็มบีและธนชาตส่งผลให้กลุ่มธนาคารมี Systemic Importance หรือมีความสำคัญต่อระบบการเงินในระดับสูง อีกทั้งยังสามารถดำเนินการตามแผนรวมกิจการได้ตามเป้าหมาย ทำให้คาดว่าการรวมกิจการจะเสร็จสิ้นได้ภายในเดือน ก.ค.64 ตามแผนที่วางไว้ จึงเป็นที่มาของการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้

- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม. สัญจร) จ.ระยองเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ซึ่งได้มีการพิจารณากลั่นกรองโครงการภายใต้แผนหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพในจังหวัด จำนวน 53 โครงการ วงเงิน 142 ล้านบาท จากที่เสนอมา 201 โครงการ วงเงิน 1,035 ล้านบาท

· อ้างอิงจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ส่งออกไทย ก.ค. 63 หดตัว 11.4%...คาดทั้งปีหดตัว 12.0% ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก

ส่งออกไทยในเดือนก.ค. 63 อยู่ที่ 18,819 ล้านเหรียญฯ หดตัวร้อยละ 11.4 YoY อย่างไรก็ดี หากหักสินค้าเกี่ยวกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธฯ การส่งออกจะหดตัวที่ร้อยละ 13.0 YoY โดยการส่งออกทองคำพลิกกลับมาขยายตัวในเดือนก.ค. ที่ร้อยละ 37.2 YoY ตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก

ด้านการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และน้ำมันสำเร็จรูป ตามภาวะเศรษฐกิจโลกและการบริโภคในต่างประเทศที่ชะลอตัวลง

ขณะที่สินค้าที่การส่งออกยังคงขยายตัวได้ยังคงเป็นสินค้ากลุ่มเดิมที่มีการขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน เช่น ทูน่ากระป๋อง อาหารสัตว์เลี้ยง ถุงมือยาง ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด ส่งผลให้ 7 เดือนแรก การส่งออกไทยหดตัวร้อยละ 7.7 YoY

อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่: www.mtsgold.co.th

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com