ค่าเงินปอนด์ทรงตัวที่ 1.3211 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่แข็งค่าไป 0.9% นับตั้งแต่ที่เริ่มต้นสัปดาห์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงเล็กน้อยมาบริเวณ 0.6851% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับลงมาที่ 1.4051%
· โพเวลล์ถูกคาดจะเริ่มต้นเผยนโยบายการเงินครั้งใหม่ที่เหมาะสม
นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดถูกคาดว่าในวันนี้เขาน่าจะเริ่มต้นกล่าวถึงกลยุทธ์ใหม่ของเฟดในการประชุมเดือนในเรื่องเสถียรภาด้านราคา และเป้าหมายการจ้างงานที่เต็มรูปแบบ ท่ามกลางการคาดการณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่จากวิกฤตไวรัสโคโรนาที่ฉุดเศรษฐกิจสหรัฐฯ และก่อนเกิดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นายโพเวลล์ถูกคาดว่าจะหารือถึงการทบทวนกรอบการดำเนินนโยบาย รวมถึงแนวทางการพิจารณาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และการศึกษาวิจัยถึงแนวทางการดำเนินนโยบายว่าควรปรับปรุงอย่างไรให้เข้ากับสภาวะอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ ซึ่งประธานเฟดจะเริ่มกล่าวถ้อยแถลงในช่วงเวลาประมาณ 20.10น. (ตามเวลาไทย) ในการประชุมธนาคารกลางประจำปีวันนี้
สถาบันการลงทุน Peterson Institute for International Economics มีความเห็นว่า การปรับทบทวนกรอบการดำเนินนโยบายของเฟดอาจเห็นถึงความชัดเจนมากขึ้นที่เฟดพอใจกับอัตราว่างงานในระดับต่ำคู่กับเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าเป้าหมาย
· ด้านกลุ่มนักลงทุนคาดประธานเฟดจะส่งสัญญาณให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
กลุ่มนักลงทุนกำลังรอคอยถ้อยแถลงของประธานเฟดในการประชุมธนาคารกลางประจำปีคืนนี้ ท่ามกลางการใช้นโยบายดอกเบี้ยในระดับต่ำ และการที่เฟดน่าจะอนุญาตให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงมากขึ้น
ทั้งนี้ เงินเฟ้อที่อยู่ระดับต่ำคู่กับอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ระดับต่ำดูจะลดความสามารถของเฟดมากกว่าครั้งก่อนๆ ทำให้บรรดาสมาชิกเฟดเริ่มพิจารณาว่าถึงภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ระดับต่ำมาเป็นเวลานานหรือจะยอมให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนจาก Global Wealth Managment UBS กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มจะคงดอกเบี้ยในระดับต่ำเป็นเวลานานขึ้น และนี่จะหมายถึงเงินสดและพันธบัตรที่มีความปลอดภัยมากที่สุดนั้นมีแนวโน้มจะเห็นผลตอบแทนที่แท้จริงเป็นลบจากมุมมองการคาดการณ์ในอนาคต
· ผลสำรวจ ชี้ การแบน WeChat ของทรัมป์ อาจส่งผลต่อกำไรในภาคธุรกิจสหรัฐฯ
ผลสำรวจโดย หอการค้าสหรัฐฯประจำเซี่ยงไฮ้ (The American Chamber of Commerce) เผยว่า การที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการลงนามคำสั่งฉุกเฉินสำหรับแอพลิเคชัน WeChat ที่อาจกระทบกับภาคบริษัทสหรัฐฯในจีน
นับตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. ทางทำเนียบขาวมีการระบุถึงรายละเอียดภายในระยะเวลา 45 วันที่จะมีคำสั่งห้ามการทำธุรกรรมของสหรัฐฯกับแอพลิเคชัน WeChat ที่เป็นบริษัทในเครือ Tencent จากความกังวลเรื่องปัญหาด้านความมั่นคง
ขณะที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Tencent กล่าวถึงผลประกอบการรายไตรมาสที่เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่า WeChat ยังมีผู้ใช้งานทั่วโลกสูงกว่า 1.2 ล้านราย
· นายเควิน เมเยอร์ ประธานบริษัท TikTok ลาออกจากตำแหน่ง
นายเควิน เมเยอร์ ประธานบริษัท TikTok ลาออกจากตำแหน่ง เพียงไม่กี่เดือนหลังจากการดำรงตำแหน่งของเขา
นายเมเยอร์ ได้กล่าวในจดหมายลาออกโดยระบุว่า “ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ฉันได้ทำการไตร่ตรองของผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ถึงการที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างองค์กร และบทบาทระดับโลกในการเซ็นสัญญา เนื่องจากเหตุผลเหล่านี้ พวกเราคาดหวังที่จะบรรลุการแก้ปัญหา จึงได้ตัดสินใจที่จะลาออกจากบริษัท”
ขณะที่ล่าสุดมีการรายงานว่าข้อตกลง TikTok กับ Microsoft จะขยายระยะเวลาออกไปหลังจากที่ถูกนายทรัมป์ แทรกแซง
ตามรายงานของ The New York Times บริษัท Microsoft จะเข้าซื้อกิจการ TikTok ของ ByteDance ที่บริษัทแม่เป็นของจีน และจะขยายเวลาออกไปจนถึงในช่วงซัมเมอร์นี้หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์เข้าแทรกแซง
ทั้งนี้ ทีมบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีการบีบให้ ByteDance ทำการขายหรือเลิกกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ โดยอ้างถึงความเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ โดยเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา นายทรัมป์ มีการลงนามคำสั่งฉุกเฉินเพื่อให้ทางบริษัทดังกล่าวต้องทำการขายแอพลิเคชันให้ได้ก่อนวันที่ 15 ก.ย.
อย่างไรก็ดี TikTok มีการฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยอ้างถึงการกีดกันในการดำเนินการ จึงทำให้ทีมบริหารของนายทรัมป์อาจมีการเลื่อนคำสั่งแบนออกไป เพื่อให้ TikTok มีเวลาสำหรับการหาข้อตกลงที่ดีขึ้นสำหรับการขายในครั้งนี้
· พายุเฮอร์ริเคนลอราถล่มทางตะวันตกเฉียงใต้ของหลุยส์เซียนาใกล้รัฐเท็กซัส
เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ พายุเฮอร์ริเคนลอราพัดถล่มทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐหลุยส์เซียนา ความรุนแรงอยู่ในระดับที่ 4 ความเร็วลม 150 ไมล์ต่อชั่วโมง
· อาลีบาบาระงับแผนการลงทุนในอินเดียจากความตึงเครียดระหว่างอินเดีย-จีน
แหล่งข่าว 2 รายกล่าวกับสำนักข่าว Reuters โดยระบุว่า บริษัท Alibaba Group มีการระงบแผนการลงทุนกับบริษัทอินเดีย ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างอินเดีย-จีน จากเหตุปะทะบริเวณเทือกเขาหิมาลัย
ทั้งนี้ บริษัทอาลีบา เรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่ช่วยหนุนการเติบโตของหลายๆบริษัทเปิดใหม่ (Strat-ups) ในอินเดีย และจากข่าวล่าสุดดูจะส่งผลให้อาลีบาบาไม่ทำการขยายเงินลงทุนรอบใหม่ให้แก่อินเดียเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีรายงานถึงแผนที่อาลีบาบาจะทำการลดหรือยกเลิกการลงทุนในอินเดียไป ขณะที่อาลีบาบาไม่ได้ตอบรับใดๆต่อรายงานดังกล่าวข้างต้น
ขณะเดียวกัน PitchBook เผยข้อมูลว่า การรวมกันของบริษัทจีนทั้ง Alibaba Capital Partners และ Ant Group ได้มีการลงทุนกับบริษัทต่างๆของอินเดียมูลค่าสูงกว่า 2 พันล้านเหรียญ นับตั้งแต่ปี 2015 และมีส่วนร่วมในการระดมทุนอีกไม่น้อยกว่า 1.8 พันล้าน
· ผลกำไรภาคอุตสาหกรรมจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่กลางปี 2018
ผลประกอบการบริษัทภาคอุตสาหกรรมของจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และเป็นอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2018 จึงตอกย้ำถึงทิศทางเศรษฐกิจที่สดใส แม้ว่าภาคการผลิตจะมีการฟื้นตัวอย่างช้าๆเพราะได้รับแรงกดดันจากไวรัสโคโรนา
จากข้อมูลของ National Bureau of Statistics (NBS) แสดงให้เห็นว่า ผลกำไรจากภาคอุตสาหกรรมในจีนเติบโตขึ้น 19.6% ในปีนี้ อยู่ที่ 5.895 แสนล้านหยวน หรือ 8.558 หมื่นล้านเหรียญ โดยเมื่อเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 11.5%
ขณะนี้การฟื้นตัวของจีนกำลังได้รับแรงผลักดันหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ทำให้เศรษฐกิจของจีนเป็นอัมพาต โดยรัฐบาลได้ทำการกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งออกสามารถฟื้นตัวได้อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม สัญญาณความอ่อนแออยู่บ้างในเดือนก.ค. เนื่องจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าเป็นเพราะสถานการณ์น้ำท่วมและฝนตกหนักทำให้กดดันอุปสงค์และความต้องการไฟฟ้าน้อยลง
กำไรของโรงงานก็ประสบปัญหาความสัมพันธ์สหรัฐและจีนที่มีความตึงเครียดมากขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. จึงอาจส่งผลกระทบต่อยอดสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศและความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภค
· จีนยื่นข้อเสนอถึงสหรัฐฯเกี่ยวกับสัมปทานในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาททางบัญชี
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า จีนได้ยื่นข้อเสนอให้กับหน่วยงานตรวจบัญชีรัฐวิสาหกิจของสหรัฐฯ (SOEs) ในเรื่องสัมปทานเพื่อมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาข้อพิพาททางบัญชีที่มีมาอย่างยาวนาน และยังคงยืนยันที่จะร่างข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของชาติ
โดยสหรัฐฯได้ตำหนิมานานแล้วว่าไม่สามารถเข้าถึงเพื่อตรวจสอบเอกสารด้านการเงินของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯได้ และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สหรัฐฯได้ออกมาตรการข่มขู่จีนว่าจะเพิกถอนบริษัทของจีนที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการบัญชี
· นาย Hitoshi Suzuki สมาชิกคณะกรรมการบีโอเจ กล่าวว่า บีโอเจจะผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไปโดย "ไม่ลังเลใจ" หากจำเป็น พร้อมจับตาผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่อาจมีต่อเศรษฐกิจ
หากบีโอเจจะเพิ่มมาตรการกระตุ้นอีกครั้งก็สามารถเพิ่มสภาพคล่องได้มากขึ้น ผ่านแหล่งเงินกู้ ลดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและระยะยาวหรือเพิ่มการซื้อสินทรัพย์เสี่ยง
นอกจากนี้ สมาชิกบีโอยังคาดว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาอาจส่งผลให้เกิดวิกฤตด้านสินเชื่อในภาคธนาคารที่อาจมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นดังที่เคยเกิดในยุควิกฤตการเงินโลก หากยังมียอดติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
· รัฐบาลญี่ปุ่นปรับเพิ่มมุมมองต่อการส่งออกและผลผลิตในเดือนส.ค.เป็นเดือนที่สองติดต่อกันเนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกดีขึ้นอย่างช้าๆ แต่ทางการเตือนว่าสภาวะต่างๆยังคงรุนแรงเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
ทั้งนี้ รัฐบาลไม่เปลี่ยนแปลงการประเมินภาพรวมว่าเศรษฐกิจกำลัง“ มีสัญญาณการฟื้นตัว” หลังจากตกอยู่ในภาวะถดถอยอย่างรุนแรงเนื่องจากวิกฤตดังกล่าว
· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาในเกาหลีใต้เพิ่มมากสุดตั้งแต่มี.ค.
รายงานล่าสุดพบยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 441 ราย ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนมี.ค. ซึ่งการระบาดรอบนี้มาจากการไปเข้าร่วมในโบสถ์ และการเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในเดือนนี้ ดังนั้น ทางการจึงมีการประกาศเตือนถึงความเป็นไปได้ในการควบคุมการรวมกลุ่มหรือการปฏิบัติงาน
ทั้งนี้ ไม่น้อยกว่า 80% ของการระบาดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในย่านเมืองหลวงของกรุงโซล
· ธนาคารกลางเกาหลีใต้หั่นแนวโน้มจีดีพีปี 2020 พร้อมเปิดกว้างต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อต่อสู้วิกฤตไวรัสโคโรนา
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศคงดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ที่ระดับ 0.5% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แต่มีการปรับลดคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมเปิดโอกาสในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่เผชิญกับวิกฤตไวรัสโคโรนา
ขณะที่จีดีพีปีนี้ คาดว่าจะหดตัวลงไป -1.3% ถือเป็นการหดตัวที่มากที่สุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ และคาดการณ์ครั้งก่อนที่มองว่าจะหดตัวลงเพียง -0.2%
ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ ระบุว่า การใช้นโยบายการเงิน "เชิงรุก" จะมีขึ้นต่อเมื่อภาวะเศรษฐกิจเข้าสู่ขาลงอย่างหนัก พร้อมย้ำถึงการที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ที่จะเปิดโอกาสการลดดอกเบี้ยมากขึ้น รวมถึงความตั้งใจที่จะขยายการใช้เครื่องมือต่างๆด้วย
· รายงานยอดติดเชื้อรายวันของอินเดียปรับขึ้นทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 75,760 ราย
ส่งผลให้ยอดรวมทะลุ 3.31 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย และเรียกได้ว่าอินเดียเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาที่เลวร้ายที่สุดในเอเชีย รวมทั้งมีผู้ติดเชื้อมากที่สุดเป็นลำดับที่ 3 ของโลก ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการติดเชื้อรายวันมากที่สุดของโลกนับตั้งแต่ 7 ส.ค.
ด้านยอดเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงพบเพิ่มขึ้น 1,023 ราย รวมสะสมที่ 60,472 ราย
· ออสเตรเลียมีรายงานผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือน
โดยที่รัฐวิคทอเรียของออสเตรเลียที่เป็นศูนย์กลางการระบาดรอบที่ 2 พบยอดติดเชื้อรายวันทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จึงหนุนความหวังที่จะคลาย Lockdown ประชาชนกว่า 5 ล้านคนเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนา
โดยล่าสุดมียอดผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นเพียง 113 รายภายในช่วง 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นต่ำสุดตั้งแต่ 5 ก.ค. ขณะที่วันก่อนมียอดติดเชื้อใหม่ที่ 149 ราย
· การลงทุนภาคธุรกิจของออสเตรเลียในไตรมาสสองไม่ได้แย่อย่างที่กังวล คาดหนุนจีดีพี
การลงทุนในภาคธุรกิจออสเตรเลียปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่คาดในไตรมาสที่ผ่านมา ท่ามกลางค่าใช้จ่ายที่เหนือความคาดหมายที่ดูจะจุดประกายความหวังว่าการหดตัวทางเศรษฐกิจอาจไม่ดิ่งลงมากอย่างที่ได้คาดการณ์ไว้ในครั้งก่อน
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) เผย ในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา พบภาคการลงทุนปรับตัวลง 5.9% ที่ระดับ 2.61 หมื่นล้านเหรียญ (1.89 หมื่นล้านเหรียญ) ขณะที่ข้อมูลในไตรมาสแรกปรับทบทวนลงมาที่ 2.1% ขณะที่ภาพรวมรายได้ออกมาดีขึ้นกว่าที่ตลาดคาดโดยปรับลดที่ 8.4%
· ราคาน้ำมันทรงตัวในวันนี้ เนื่องจากพายุลูกใหญ่ในอ่าวเม็กซิโกพุ่งเข้าสู่ใจกลางอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯ ส่งผลให้แท่นขุดเจาะน้ำมันและโรงกลั่นต้องปิดตัวลง โดยคาดว่าจะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่ออุปทานเนื่องจากสต็อกน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง
ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลง 4 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.1% ที่ระดับ 43.35 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ ที่ระดับ 45.69 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ร่วงลงไป 22 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.5%
ทั้งนี้ ภัยคุกคามจากพายุเฮอริเคนลอร่าผลักดันให้ตลาดปรับตัวสูงขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ แต่คาดว่าพายุจะไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานมากนัก เนื่องจากน้ำมันและสต็อกน้ำมันดิบยังอยู่ในระดับสูงเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ส่งผลกระทบต่อความต้องการเชื้อเพลิง