ยูโรอ่อนตัวลงหลัง Break 1.20, ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
หลังจากที่ค่าเงินยูโรมีการ Break ระดับ 1.20 ดอลลาร์/ยูโรได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018 ก็มีการปรับอ่อนค่ากลับลงมาจากแรงเทขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุน ที่ส่งผลให้ดอลลาร์ฟื้นตัวกลับจากที่ลงไปทำอ่อนค่ามากที่สุดรอบ 28 เดือนได้
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นและดอลลาร์อ่อนค่าลงมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่เฟดมีการประกาศที่จะยอมให้เงินเฟ้อนั้นปรับสูงขึ้น พร้อมให้ความสำคัญมากขึ้นกับสัญญาณการจ้างงาน ขณะที่เทรดเดอร์มีการเทขายในดอลลาร์จากมุมมองที่ว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยในระดับต่ำเป็นเวลานานขึ้น และแรงขายในค่าเงินดอลลาร์ก็ดูจะหนุนให้ยูโรกลับมาแข็งคาได้ โดยช่วงเช้าวานนี้ปรับขึ้นแตะ 1.2011 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่พ.ค. ปี 2018
นักวิเคราะห์บอกว่า ยูโรเผชิญแรงขายทำกำไรหลังไปทดสอบแนวต้านสำคัญทางเทคนิคที่ 1.20 ดอลลาร์/ยูโร จึงทำให้ค่าเงินปิดตลาด -0.26% ที่ระดับ 1.1905 ดอลลาร์/ยูโร
อย่างไรก็ดี การกลับตัวของค่าเงินวานนี้ยังไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทิศทางหลักของทั้งค่าเงินดอลลาร์และยูโรได้ โดยเมื่อคืนนี้ นางลาเอล เบรนาร์ด ผู้ว่าการของเฟดกล่าวถึงการที่เฟดจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามคำสัญญาครั้งใหม่ในการสนับสนุนให้การจ้างงานเติบโตและเงินเฟ้อสูงขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอ่อนค่าลงจากถ้อยแถลงของสมาชิกเฟดในเชิงจะเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจเกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อพันธบัตรด้วย ขณะที่ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการที่เฟดจะยังคงดอกเบี้ยระดับต่ำ
ดัชนีดอลลาร์ปิด +0.19% ที่ระดับ 92.362 จุด หลังจากที่ไปทำต่ำสุดนับตั้งแต่เม.ย. ปี 2018 ในช่วงต้นตลาด โดยค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่ามาแล้วประมาณ 0.55% นับตั้งแต่ที่ประธานเฟดได้กล่าวถ้อยแถลงไปเมื่อวันที่ 27 ส.ค.
ค่าเงินปอนด์ทรงตัวหลังจากที่ไปทำแข็งค่าสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธ.ค. ท่ามกลางการอ่อนค่าของดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินหยวนแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์ โดยปิดแข็งค่ามา 0.15% ที่ 6.837 หยวน/ดอลลาร์