• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 3 กันยายน2563

    3 กันยายน 2563 | Economic News
 

· มุมมองจ้างงานสหรัฐฯส.ค. | ดอลลาร์กำลังรอข่าวดี ?!


- จ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯถูกคาดว่าจะปรับตัวลงมาที่ 1.4 ล้านตำแหน่ง จากเดิม 1.763 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค.

- อัตราว่างงานคาดจะปรับตัวลงแตะ 9.8% จาก 10.2%

- ค่าเงินดอลลาร์ได้รับอานิสงส์จาก ISM เผยข้อมูลการผลิตส.ค.ออกมาดีขึ้นเกินคาด

ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการเป็นหนึ่งใน 3 เครื่องมือชี้วัดถึงมาตรฐานที่สัมพันธ์กับความผิดพลาด โดยหากข้อมูลจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯขออกมาเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค. ก็อาจเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยที่ค่าเฉลี่ยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานนั้นยังอยู่สูงกว่า 1 ล้านรายในแต่ละสัปดาห์ ที่ดูจะเป็นไปได้อย่างไม่สอดคล้องกันสำหรับทิศทางเศรษฐกิจก่อนหน้านี้

ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานถูกคาดว่าจะออกมาปรับตัวลดลงในสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 950,000 ราย จากเดิมที่ 1.006 ล้านรายในสัปดาห์ก่อน ซึ่งจะถือเป็นสัปดาห์ที่ 2 ที่ข้อมูลนี้อยู่ต่ำกว่าระดับ 1 ล้านรายได้ในช่วง 6 เดือน ขณะที่ภาพรวมคนว่างงานลดลงมาประมาณ 14 ล้านราย เมื่อ 21 ส.ค. จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 14.535 ล้านราย

บทสรุปและค่าเงินดอลลาร์

คาดการณ์ความสัมพันธ์ระหว่าง การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP, ดัชนีชี้วัดข้อมูลการจ้างงานภาคการผลิต และข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ร่วมกับข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ทั้งหมดดูจะสะท้อนถึงการปรับตัวลดลงนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจเผชิญปัญหาในเดือนมี.ค. - เม.ย.

ภาพรวมข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน แม้ว่าจะมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการที่ตลาดแรงงานจะกลับสู่ภาวะปกติอาจปัญหาการเพิ่มตำแหน่งงานหรือการลดการจ้างงานได้ และแม้ว่าดอลลาร์จะอ่อนค่าลงมาตลอดช่วง 5 สัปดาห์ แต่ตลาดก็คาดหวังที่จะเห็นข้อมูลทางสถิติทางเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ข้อมูลดัชนี PMI ภาคการผลิตออกมาดีขึ้นกว่าคาดการณ์ที่ 56 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่พ.ย. ปี 2018 ทางด้านยูโรจากที่ทำสูงสุดรอบเกือบ 2 ปีที่ 1.2011 ดอลลาร์/ยูโร แต่การปรับขึ้นดังกล่าวก็ดูไม่มีเสถียรภาพและค่าเงิน ณ ปัจจุบันเคลื่อนไหวแถว 1.1912 ดอลลาร์/ยูโร ต่ำกว่าระดับราคาเปิดที่ 1.1936 ดอลลาร์/ยูโร


· ยูโรทำต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์ ขณะที่ดอลลาร์ทรงตัว

ค่าเงินดอลลาร์ปรับขึ้นต่อในวันนี้ท่ามกลางนักลงทุนที่มีการเทขายดอลลาร์จากความกังวลเรื่องที่อีซีบีมีความกังวลต่อการแข็งค่าของยูโร และภาพรวมสัปดาห์นี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้แล้วประมาณ 1.3% ยืนเหนือระดับต่ำสุดรอบ28 เดือนที่ทำไว้เมื่อวันอังคาร

ณ ปัจจุบันค่าเงินดอลลาร์มีความพยายามที่จะปรับขึ้นต่อหลังจากที่ร่วงลงไปประมาณ 10% จากระดับสูงสุดในเดือนมี.ค. โดยเหล่าเทรดเดอร์เริ่มปรับคาดการณ์หลังยูโรทำระดับแข็งค่าดีที่สุดในช่วง 4 เดือน

วันนี้ยูโรปรับตัวลงไปทำต่ำสุดแถว 1.1797 ดอลลาร์/ยูโรในตลาดเอเชีย หลังจากที่ Financial Times รายงานว่า สมาชิกอีซีบีหลายรายมีความกังวลต่อการแข็งค่าของค่าเงินยูโรที่อาจกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจได้

สำหรับคืนนี้ตลาดรอถ้อยแถลงของสมาชิกอีซีบีในช่วงเวลาประมาณ 22.00น. ตามเวลาไทย ว่าจะมีการกล่าวถึงค่าเงินยูโรอย่างไร

ค่าเงินหยวนแข็งค่ามาที่ 6.8250 หยวน/ดอลลาร์ หลังข้อมูลภาคบริการจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ด้านค่าเงินเยนอ่อนค่าลงแตะ 106.33 เยน/ดอลลาร์

ในคืนนี้ตลาดจับตาข้อมูล PMI ของอังกฤษ, ยุโรปและสหรัฐฯ ควบคู่กับข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ยังจับตาข้อมูลการจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนวันศุกร์ หลังจากที่ข้อมูลการจ้างงานของภาคเอกชนที่ประกาศในคืนวันพุธยังออกมาแย่กว่าที่บรรดานักเศรษศาสตร์คาดการณ์


· ออสเตรเลียดอลลาร์ปรับขึ้นเกือบ 30% นับตั้งแต่มี.ค. จากการระบาดของไวรัสโคโรนาและทิศทางเศรษฐกิจขาลง

ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ปรับขึ้นไปแล้วประมาณ 28% ในปีนี้ เมื่อวัดจากจุดต่ำสุดในช่วงเดือนมี.ค. ท่ามกลางภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศท่ี่เผชิญภาวะหดตัวในไตรมาสที่ 2/20 ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์ต่างมองทิศทางค่าเงินแบบผสมผสานกันไป

ในเดือนมี.ค. ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ทำระดับต่ำสุดที่ 0.5738 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนา และการใช้มาตรการ Lockdown ที่เกิดขึ้นนานาประเทศ

ภาวะอ่อนแอทางเศรษฐกิจดูจะทำให้ค่าเงินมีการปรับตัวสูงขึ้นภายในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และสัปดาห์นี้จะเห็นได้ถึงการปรับขึ้นทะลุ 0.74 ดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยทำสูงสุดรอบ 2 ปี ก่อนจะปรับลงมาเคลื่อนไหวแนว 0.73 ดอลลาร์ออสเตรเลีย

นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก Wells Fargo ยังมองออสเตรเลียดอลลาร์เป็นขาขึ้น และคาดว่าจะขึ้นต่อได้

แต่ไม่ใช่นักวิเคราะห์ทุกคนจะมองแนวโน้มค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์เป็นขาขึ้น โดยนักกลยุทธ์จาก Standard Chartered Bank กล่าวว่า ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์มีแรงกดดันจากภาวะอ่อนแอทางเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงควรระมัดระวัง เพราะการแข็งค่าของค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ในเวลานี้เป็นผลมาจากการที่ธาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในอนาคตต่อไป แต่การส่งสัญญาณที่จะเพิ่มการผ่อนคลายมากขึ้นก็ดูจะเป็นปัจจัยที่กดดันค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ได้

อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ สะท้อนถึงภาวะถดถอยของเศรษฐกิจออสเตรเลีย โดยจีดีพีไตรมาสที่ 2/20 หดตัวลงมากมากที่สุดครั้งประวัติการณ์ที่ -7% เมื่อเทียบจากไตรมาสแรกที่อยู่ที่ -0.3%


· CDC ให้สหรัฐฯเตรียมวัคซีน COVID-19 เร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนต.ค.

ศูนย์ป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) เรียกร้องให้องค์การอนามัยให้จัดเตรียมวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาที่มีประสิทธิภาพแก่กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงโดยเร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนต.ค.

ทั้งนี้ ช่วงเวลาสำหรับวัคซีนถือเป็นความสำคัญในทางการเมืองเป็นอย่างมาก ท่ามกลาง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะกลับมาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนพ.ย. นี้ หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯมีการอัดฉีดเงินนับพันล้านเหรียญในการพัฒนาวัคซีนCovid-19 ที่ได้คร่าชีวิตประชาชนสหรัฐฯไปแล้วมากกว่า 180,000 ราย

· ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพส่งสัญญาณเตือนถึงความเป็นไปได้ต่อการระบาดของ Covid รอบใหม่ในฤดูหนาวนี้

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการระบาดไวรัสโคโรนารอบใหม่ในช่วงฤดดูหนาวนี้ ท่ามกลางหลายๆปัจจัยที่อาจนำไปสู่การระบาดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะความกังวลที่อาจเห็นการระบาดเพิ่มขึ้นในรัฐแฮมเชียร์สทางตอนไหนเมื่อสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงประชาชนส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะใช้เวลาด้วยกันมากขึ้นภายในสถานที่ปิด หรือมีการรวมตัวกันในช่วงฤดูหนาว ดังนั้น จึงมีการถ่ายเททางอากาศ หรือการเว้นระยะห่างกันน้อยกว่าในช่วงหน้าร้อน


· TikTok เผชิญแรงกดดันจากทางเลือกใหม่ในการขายให้แก่สหรัฐฯ หลังจีนประกาศมาตรการคุมเข้มล่าสุด

ข้อตกลงการทำธุรกิจของบริษัทสหรัฐฯกับ TikTok กำลังเผชิญปัญหาใหม่จากสหรัฐฯที่มีการกำหนดเส้นตายถึงช่วงเวลาการขาย จึงยิ่งสร้างความเสี่ยงที่อาจเผชิญการแบนแอพลิเคชันดังกล่าวในสหรัฐฯ

การประกาศข้อตกลงดังกล่าวถูกคาดว่าจะเปิดเผยเร็วที่สุดในวันอังคารหน้า แต่ก็ยังไม่มีข่าวว่าจะเกิดการดำเนินการอย่างไร ขณะที่ในวันศุกร์ที่ผ่านมาทางการจีนมีการเผยถึงข้อกำหนดใหม่ที่เข้มงวดในด้านการส่งออกทางเทคโนโลยีที่อาจส่งผลให้รัฐบาลจีนจะต้องมีการอนุมัติการขาย TikTok ตามแผนการขายอัลกอริทึม

อย่างไรก็ดี ข้อตกลงการขายอัลกอริทึมถูกคาดว่าจะอยู่ในกรอบระหว่าง 2 – 3 หมื่นล้านเหรียญ


· นายกฯฝรั่งเศส เผย แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของฝรั่งเศสอาจสร้างงานได้มากถึง 160,000 ตำแหน่ง

นายฌ็อง กัสแต็กซ์ นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสคาดหวังถึง แผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ มูลค่า 1 แสนล้านยูโร หรือ 1.1803 แสนล้านดอลลาร์ จะสามารถสร้างงานได้ 160,000 ตำแหน่ง ภายในปี 2021

โดยก่อนหน้านี้เขากล่าวว่าแผนดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายเพื่อลบผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตไวรัสโคโรนาได้มากกว่าสองปี รวมทั้งช่วยป้องกันการตกงานในวงกว้าง


· อินเดียสั่งแบนแอพฯของจีน 118 รายการ รวมถึงเกมยอดนิยมของบริษัท Tencent จากความตึงเครียดข้อพิพาทพรมแดน

อินเดียประกาศแบนแอพลิเคชันของจีน 118 รายการ โดยอ้างถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติ หลังมีความตึงเครียดทางการเมืองเพิ่มมากขึ้นระหว่างสองประเทศ

ทั้งนี้ มีรายชื่อเกมจากจากบริษัทรายใหญ่ต่างๆ เช่น Tencent และ NetEase รวมถึงแอพคลิชันจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อื่นๆ ของจีน อาทิ Baidu และบริษัท ในเครือ Alibaba, Ant Group อีกด้วย

· Bloomberg รายงานว่า จีนเผยนโยบายใหม่ในการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์สในประเทศ

จีนกำลังวางแผนนโยบายใหม่ของภาครัฐในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์สภายในประเทศ และการข้อจำกัดจากมาตรการเข้มงวดของทีมบริหารทรัมป์ ซึ่งรัฐบาลจีนมีการเตรียมการสนับสนุนกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์สรุ่นที่ 3 ซึ่งจะเป็นการดำเนินการระยะยาวในช่วง 5 ปีจนถึงปี 2025


· สมาชิกบีโอเจเรียกร้องการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเพื่อต่อสู้กับความเสี่ยงด้านเงินฝืด รวมทั้งจำเป็นที่จะต้องเสริมสภาพคล่องเพิ่มเติม

นายโกอุชิ คาตาโอกะ สมาชิกบอร์ดบริหารของบีโอเจ กล่าวว่า บีโอเจจะต้องใช้การผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อต่อสู้กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอันจะนำไปสู่กับภาวะเงินฝืด พร้อมกล่าวเตือนถึงแนวโน้มที่ไม่สดใสกับภาวะการอุปโภคบริโภค และค่าใช้จ่ายด้านเงินทุนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา ซึ่งบีโอเจจะต้องมีการซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเพื่อให้เกิดความชัดเจนถึงความพร้อมในการจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจ่อภาคครัวเรือนและภาคบริษัท

นอกจากนี้ บีโอเจ อาจจำเป็นต้องเพิ่มการอัดฉีดสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ โดยจะต้องขึ้นอยู่กับผลกระทบของภาคบริษัทจากไวรัสโคโรนา แต่ภาพรวมอาจจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงประเด็นสำคัญในการดำเนินการร่วมกันขอนโยบายการเงินและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการหนุนเศรษฐกิจของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป


· Caixin เผย PMI ภาคบริการจีนฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพท่ามกลางจ้างงานที่เพิ่มขึ้

Caixin เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการที่ออกมาดีขึ้น สะท้อนถึงกิจกรรมในกลุ่มภาคบริการที่ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกันในเดือนส.ค. อันเนื่องจากภาคบริษัทมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ม.ค.

โดยดัชนี PMI ภาคบริการออมาที่ 54.0 จุด ลดลงจากเดือนก.ค.เล็กน้อยจากระดับ 54.1 จุด แต่ยังขยายตัวได้เหนือ 50 จุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลังจากที่เดือนมิ.ย. ไปทำสูงสุดในรอบสิบปี

อย่างไรก็ดี ภาคบริการของจีนคิดเป็น 60% ของเศรษฐกิจ และครึ่งหนึ่งของภาคการจ้างงาน โดยการชะลอตัวของข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นจากการใช้มาตรการคุมเข้มเพื่อสกัด Covid-19


· น้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์จากความกังวลด้านอุปสงค์

ราคาน้ำมันดิบทรงตัวระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันเบนซินของสหรัฐฯที่ลดลงเหลือ 8.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) จาก 9.16 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ก่อนหน้า และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ซบเซาจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาที่กดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.10% ที่ระดับ 41.55 เหรียญ/บารืเรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 1 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.02% ที่ระดับ 44.42 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com