• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 8 กันยายน 2563

    8 กันยายน 2563 | SET News
    

· หุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลีกเลี่ยงความกังวลจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น ตามการรีบาวน์เล็กน้อยของตลาดหุ้นยุโรปและหลีกเลี่ยงความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีน เนื่องจากเหล่านักลงทุนมองว่าหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯจะสามารถฟื้นตัวได้

ขณะที่หุ้นจีนและฮ่องกงสามารถลบความสูญเสียในช่วงต้นที่เกิดขึ้นหลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะลดระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯและจีน พร้อมกับขู่ว่าจะใช้มาตรการลงโทษบริษัทของสหรัฐฯที่ไปสร้างงานในต่างประเทศ และจะกีดกันบริษัทที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีนไม่ให้ได้รับสัญญาทางธุรกิจกับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น 0.4%


· หุ้นญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางความหวังที่ฟื้นตัว ขณะที่หุ้น SoftBank ร่วงลงอีกครั้ง

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องจากเหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังการพัฒนาวัคซีนรักษาไวรัสโคโรนา และความหวังเกี่ยวกับการ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังจากวิกฤตไวรัสโคโรนา

ด้านหุ้นกลุ่ม SoftBank ปรับตัวลดลงอีก 0.61% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากการลดลง 7.2% ในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากบริษัทมีการทำ call options จำนวนมากในหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.8% ที่ระดับ 23,274.13 จุด ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 0.69%

ทั้งนี้ หุ้นญี่ปุ่นยังได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐฯในระหว่างการซื้อขายในตลาดเอเชีย ขณะที่ตลาดสหรัฐปิดทำการเมื่อวานนี้เนื่องจากเป็นวันหยุด Labor Day

รวมทั้ง การที่รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติการใช้จ่ายเงินสำรองงบประมาณฉุกเฉินเพื่อรักษาวัคซีนโคโรนาไวรัส ซึ่งสนับสนุนความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน


· หุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงิน

ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงิน เนื่องจากเหล่านักลงทุนแสวงหาโอกาสในหุ้นราคาถูก แม้ว่าจะถูกกดดันจากประเด็นความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนก็ตาม

โดยดัชนีกลุ่มบลูชิพ CSI300 ปรับตัวสูงขึ้น 0.5% ที่ระดับ 4,694.39 จุด ขณะที่ดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.7% ที่ระดับ 3,316.42 จุด


· ยุโรปปรับลดลง จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลง ขณะที่หุ้น Royal Mail พุ่ง 15%

ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกกำลังรอคอยการฟื้นตัวของหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ รวมทั้งรอคอยข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญของยูโรโซน

โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.4% ด้านหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.6% ขณะที่หุ้นเทเลคอมเพิ่มขึ้น 0.5%

ด้านหุ้น Royal Mail พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทไปรษณีย์ของอังกฤษเพิ่มเป้าหมายรายได้


อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

· สุริยะ'เผย กนอ.พร้อมรับนักลงทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิตระลอกใหม่ มั่นใจนักลงทุนญี่ปุ่นเลือกไทย 'สุพัฒนพงษ์' เล็งนำโรดโชว์ครั้งแรกต้นปีหน้า หลังปรับ ครม.ตู่ 2/2

· อดีตขุนคลัง "สมหมาย ภาษี" ออกโรงแนะรัฐขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภาษีแวต) 2% จาก 7% เป็น 9% หวังรายได้เพิ่มขึ้น 1.2 แสนล้านบาท แก้ปัญหา โควิด-19 เตือนใช้เงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจผวาหนี้สาธารณะท่วมสูงเกิน 60% ต่อจีดีพีในปี'64

· รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ยังไม่มีนโยบาย

ผ่อนปรนมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือมาตรการแอลทีวี เพิ่มเติมแม้จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้บ้างก็ตามเพราะมองว่าการฟื้นตัวควรมาจากความต้องการของผู้บริโภคที่แท้จริงมากกว่า โดยการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจและช่วยเรื่องรายได้ดีกว่าเนื่องจากหากผู้ประกอบการไม่มีรายได้จากความต้องการที่แท้จริง สุดท้ายจะไม่ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการดังนั้นควรมีมาตรการที่ช่วยให้เกิดรายได้ขึ้นมาจะดีกว่า


อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ

· รฟม.เตรียมประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ 1.2 แสนล้านบาทต้นปี 2564 เผยอยู่ระหว่างจัดทำราคากลาง จ่อชงบอร์ดอนุมัติ ขณะที่คืบหน้าเวนคืนลงสำรวจที่ดินและประเมินวงเงินชดเชย คาดสูงถึง 1.5 หมื่นล้าน กระทบ 267 หลังคาเรือน

รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน 124,959 ล้านบาท โดยระบุว่า ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนเตรียมสำรวจเวนคืนที่ดิน และประเมินวงเงินชดเชยเวนคืน ซึ่ง รฟม.จะดำเนินการควบคู่ไปกับขั้นตอนการจัดทำราคากลาง เพื่อเตรียมประกวดราคาจัดหาเอกชนร่วมทุนด้วย


อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

· ASPS จับตาไทยถูกปรับลดเครดิตเรทติ้งหรือไม่ หลังล่าสุด Moody ปรับเครดิต สปป.ลาวจาก B3 ลงมาอยู่ที่ Caa2 ระดับ Junk Bond หลังขาดดุลงบประมาณหนัก เงินทุนสำรองเหลือต่ำกว่า 1 พันล้านเหรียญ ขณะที่ปีนี้ไทยเศรษฐกิจไทยหดตัวแรง และหนี้สาธารณะทะลุเพดาน 60%

ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส (ASPS) เผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า เริ่มเห็นเพื่อนบ้านถูก Moody ปรับ Credit rating ลง ส่วนไทยรอลุ้น โดยกระแสการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ(Credit Rating) เริ่มเห็นขึ้นมาต่อเนื่อง ล่าสุด ช่วงหยุดสุดสัปดาห์ ประเทศเพื่อนบ้าน คือ สปป.ลาว สถาบันจัดอันดับ Rating คือ Moody’s ได้ปรับลด Rating ประเทศลง 2 ขั้นจาก B3 ลงมาอยู่ที่ Caa2 ระดับ Junk Bond และเป็นระดับความเสี่ยงสูง (Substantial risks) เนื่องจาก

1.) ปี 64 คาดจะขาดดุลงบประมาณเป็น 6.7% ของ GDP จาก 3.5% ของ GDP ปี 63

2.) เงินทุนสำรองเหลือน้อยกว่า 1 พันล้านเหรียญล่าสุด เหลือ 864 เหรียญ ซึ่งต่ำกว่าระดับหนี้ต่างประเทศที่ราว 1.2 พันล้านเหรียญ

3.) ขาดวิธีการจัดหาเงินที่โปร่งใสและความไม่ชัดเจนในการที่ภาระหนี้ที่ครบกำหนด

ขณะที่ไทย ASPS ประเมินยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ให้น้ำหนักในช่วง ต.ค. – ธ.ค. ซึ่งจะเป็นช่วงที่ Credit Rating Agency แต่ละแห่งเริ่มเผยแพร่การปรับปรุง Credit Rating โดยปัจจุบัน Moody มีมุมมอง Credit Rating ที่ BBB+ ขณะที่ Outlookประเทศ ยังคงที่ระดับ (Stable)

ทั้งนี้หากพิจารณาปัจจัยแวดล้อมของไทยถือว่ายังแข็งกร่งกว่าลาวมาก สังเกตุจาก


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com