• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 9 กันยายน 2563

    9 กันยายน 2563 | Gold News
 

ทองคำรีบาวน์หลังตลาดหุ้นร่วงหนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

· ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ในช่วงต้นตลาด หลังตลาดหุ้นเผชิญแรงเทขายทำกำไรและทำให้นักลงทุนหันกลับเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ


· ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.4% ที่ระดับ 1,936.87 เหรียญ หลังจากที่ช่วงต้นตลาดปรับตัวลดลงมากถึง 1.2% ที่ 1,906.24 เหรียญ ด้านสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.5% ที่ระดับ 1,943.2 เหรียญ


· หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Blue Line Futures กล่าวว่า การดีดกลับในทองคำมาจากการที่หุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงหนุนการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย โดยนักลงทุนเริ่มมีความไม่แน่ใจและไม่รู้ว่าตลาดหุ้นในเวลานี้ทำต่ำสุดไปแล้วหรือยัง แต่ราคาทองคำก็ดูจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆเท่านั้น ซึ่งหาก Break เหนือ 1,960 เหรียญได้ก็อาจกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง


· ตลาดหุ้นทั่วโลกและราคาน้ำมันปรับตัวลงหลังเผชิญแรงขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ประกอบกับความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit และการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำเมื่อวานนี้ปรับขึ้นได้แม้ดอลลาร์จะอยู่ในทิศทางที่แข็งค่า โดยจะเห็นได้ว่าดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นประมาณ 0.7% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่


· นักลงทุนกำลังรอคอยการประชุมอีซีบีในวันพรุ่งนี้ ขณะที่การประชุมเฟดจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า


· นักวิเคราะห์จาก ED&F Man Capital Markets ระบุว่า ธนาคารกลางทั้งหมดดูจะมีแนวทางการดำเนินนโยบายแบบเดียวกัน จึงอาจเห็นพวกเขาคงการอัดฉีดเงินและการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และนั่นจะเป็นปัจจัยที่สนับสนนุราคาทองคำ


· ปีนี้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแล้วประมาณ 27% หลังจากที่ธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกมทีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดเพื่อบรรเทาผลกระทบจากความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ได้รับจากการระบาดของไวรัสโคโรนา


· ราคาซิลเวอร์ปิด -0.8% ที่ 26.78 เหรียญ ด้านแพลทินัมปิด +0.5% ที่ 903.33 เหรียญ ขณะที่ราคาพลาเดียมปิด -0.6% ที่ 2,280.97 เหรียญ


· สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

 

ยอดผู้เสียชีวิตสะสมทั่วโลกทะลุ 900,000 ราย ขณะที่ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกอยู่ที่ระดับ 27.72 ล้านราย ด้านสหรัฐฯยอดติดเชื้ออยู่ที่ 6.5 ล้านราย และเสียชีวิตสะสม 194,014 ราย ทางด้านอินเดียยังมีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มมมากสุดของโลกในเวลานี้และมียอดสะสมที่ 4.36 ล้านราย เสียชีวิตสะสมรวม 73,923 ราย


· จีนรายงานผู้ป่วยไวรัสโคโรนารายใหม่ 2 ราย

เมื่อวานนี้ หน่วยงานด้านสุขภาพแห่งชาติของจีน รายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ 2 ราย โดยลดลงจาก 10 วันก่อนหน้านี้

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติกล่าวในแถลงการณ์ว่าทั้งสองกรณีเป็นนักเดินทางจากต่างประเทศ ซึ่งนับเป็นวันที่ 24 ติดต่อกันที่ไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศ

ทั้งนี้ จำนวนยอดผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้วอยู่ที่ 85,146 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 4,634 ราย


· อดีตประธานคณะกรรมาธิการอียู ชี้ No-Deal Brexit มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นได้มากที่สุดในการเจรจา

นายฌ็อง-คลอด จุงเกอร์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการอียู กล่าวว่า การเจรจาระหว่างอังกฤษและอียูไม่มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ภายในเดือนหน้า โดยการเจรจาทั้งสองฝ่ายเมื่อวานนี้ถือเป็นรอบที่ 8 เกี่ยวกับการหารือแนวทางการจัดการการค้าใหม่ที่จะต้องมีผลภายในม.ค. ปี 2021 หลังจากที่เมื่อเดือนม.ค.ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงในการแยกตัวร่วมกันได้

อย่างไรก็ดี ในการเจรจาการค้ายังไม่มีสัญญาณความคืบหน้าใดๆ จึงยิ่งทวีความไม่แน่นอนว่าจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงใดๆในอีกไม่กี่สัปดาห์จากนี้


· จีนตำหนิการกลั่นแกล้งของสหรัฐฯจากการผลักดันความปลอดภัยของข้อมูลทั่วโลก

จีนเปิดตัวโครงการริเริ่มการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลทั่วโลก ที่มีการสรุปหลักสำคัญสำหรับข้อควรปฏิบัติด้านต่างๆตั้งแต่ข้อมูลส่วนบุคคลจนถึงการจารกรรมข้อมูล ขณะที่สหรัฐฯยังคงสร้างแรงกดดันให้แก่บริษัทเทคโนโลยีของจีนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพยายามให้นานาประเทศทั่วโลกทำการบล็อกบริษัทจีน


· ทรัมป์แสดงความตั้งใจจะใช้เงินส่วนตัวเพื่อคว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯรอบใหม่


· ว่างงานเกาหลีใต้ส.ค. ปรับตัวลงอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 1999

อัตราคนว่างงานของเกาหลีใต้ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วในเดือนส.ค. แตะระดับ 3.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 1999 ท่ามกลางประชาชนส่วนใหญ่ที่ยุติการมองหางานทำในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนาและน้ำท่วม

· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไว้ทระหว่าง 31.30-31.45 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดจับตาดูความชัดเจน เรื่อง Brexit และช่วงกลางสัปดาห์มีการประชุมอีซีบี ส่วนปัจจัยในประเทศจับตาดูสถานการณ์ทางการเมือง

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์


- นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมฯ ได้หารือการเพิ่มช่วงวันหยุดยาว เพราะเห็นว่าทำให้เกิดการท่องเที่ยวทีมีเม็ดเงินหมุนเวียน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจหลายด้านปรับตัวดีขึ้น เพราะห่วงโซ่ขับเคลื่อนไปได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมยืนยันว่า ยังไม่พับโครงการ"ภูเก็ตโมเดล" แต่จะเน้นการท่องเที่ยวในประเทศก่อน

- ครม.มีมติเห็นชอบให้มีการจ้างงาน นิสิต นักศึกษา ผู้จบการศึกษาใหม่ รวมถึงปวช. และปวส. จำนวน 2.6 แสนตำแหน่ง เป็นเวลา 12 เดือน และทางกระทรวงแรงงานเตรียมจัดงาน JOB EXPO THAILAND 2020 ซึ่งจะมีการจ้างงานของแต่ละกระทรวงอีก ประมาณ 1 ล้านคน ส่วนมาตรการแจกเงิน 3,000 บาทนั้น ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียด

- นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าในช่วงนี้รัฐบาลเน้นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ จากเดิมที่มุ่งเน้นในภาคการส่งออกและท่องเที่ยว หันมาเน้นโครงการขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มรายได้และช่วยเศรษฐกิจในระยะยาวต่อไป เช่น โครงการเชื่อมการเดินทางจากฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตก หรือ โครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้ (Land Bridge)

-สรท.เตรียมเสนอให้ภาครัฐแก้ปัญหาต้นทุนด้านโลจิสติกส์อย่างจริงจังเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดย สรท.จะนำประเด็นดังกล่าวเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) พิจารณาในวันนี้


อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่: www.mtsgold.co.th

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com