ทองขึ้น 1% จากดอลลาร์อ่อน ตลาดหวังเฟดใช้นโยบายผ่อนคลายต่อ
· ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 1% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ ขณะทีเกิดกระแสคาดการณ์โดยทั่วกันว่าเฟดน่าจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อในสัปดาห์นี้ จึงช่วยหนุนให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม
· ราคาทองคำปรับขึ้น 0.9% ที่ 1,959.64 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +15.8 เหรียญ ที่ระดับ 1,963.7 เหรียญ
· กองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม 1,248 ตัน
· หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดจาก Blue Line Futures กล่าวว่า ทองคำกำลังปรับขึ้นจากดอลลาร์ที่อยู่ภายใต้แรงกดดัน ทั้งจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯที่ต้องการให้เกิดข้อตกลงกระตุ้นทางการเงิน และนั่นทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า
นอกจากนี้ เฟดยังถูกคาดจะคงนโยบายปรับเป้าหมายเฉลี่ยเงินเฟ้อให้สูงกว่า 2% ในบางช่วง รวมไปถึงการที่พวกเขาอาจจะมีการเพิ่มการเข้าซื้อพันธบัตร (QE) และทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยบกวต่อราคาทองคำ
· ดอลลาร์อ่อนค่าลงประมาณ 0.4% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ และนั่นช่วยหนุนทองคำ
· ตลาดกำลังให้ความสนใจกับการประชุมบีโอเจและบีโออีด้วยในวันพฤหัสบดีนี้
· กรรมการผู้จัดการจาก CPM Group กล่าวว่า ขณะเดียวกัน การที่อียูยังคงเพิ่มแรงกดดันต่อนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่มีแผนจะทำลายสนธิสัญญาข้อตกลงการถอนตัว ดังนั้น ทองคำจึงมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยังอยู่ในระดับสูงในสหรัฐฯ, Brexit และภาพรวมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
· ราคาซิลเวอร์ปรับตัวขึ้นประมาณ 2% ที่ 27.26 เหรียญ ขณะที่แพลทินัมปรับขึ้น 3.1% ที่ระดับ 953.72 เหรียญ และพลาเดียมขยับขึ้น 1% แถว 2,343.02 เหรียญ
· “จอห์นสัน” แตกหักอียู เคลียร์อุปสรรคแรกของการละเมิดสนธิสัญญา Brexit
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษแตกหักอียูจากการที่แผนของเขาได้รับชัยชนะจากการโหวตร่างกฎหมายการค้าภายใน (Internal Market Bill) ที่อียูมองว่าเป็นการละเมิดสนธิสัญญาการถอนตัว Brexit โดยแผนดังกล่าวได้รับคะแนนเสียงจากทางสภามากถึง 340 ต่อ 263 พร้อมกล่าวถึงความจำเป็นของแผนดังกล่าว อันเนื่องจากอียูปฏิเสธที่จะเข้าสู่โต๊ะเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหา
ขณะที่ทางอียู กล่าวว่า ร่างกฎหมายของนายจอห์นสันถือเป็นการทำลายการเจรจาการค้าและผลักดันให้อังกฤษเผชิญภาวะความวุ่นวายตามมา ทางด้านอดีตผู้นำอังกฤษกล่าวเตือนว่าการละเมิดข้อตกลงเป็นการกระทำที่มากเกินไปที่จะนำมาซึ่งความเสียหายของภาพลักษณ์ประเทศด้วย
นอกจากนี้ แผนดังกล่าวยังประกอบไปด้วยระเบียบเกี่ยวกับไอร์แลนด์เหนือในข้อตกลงการถอนตัวจากอียู (Withdrawal Agreement) ที่จะเสนอให้ไม่มีด่านการตรวจสอบสินค้าที่เคลื่อนย้ายจากไอร์แลนด์เหนือเข้าสู่ประเทศอังกฤษ และรัฐมนตรีของอังกฤษมีอำนาจที่จะปรับเปลี่ยนหรือไม่บังคับใช้กฎหมายดังกล่าวได้โดยมีผลบังคับใช้ 1 ม.ค. ซึ่งแผนนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นแบบใหม่ระหว่างอังกฤษกับอียู และอียูมองว่าเป็นการทำลายความเชื่อมั่นอย่างร้ายแรง
· ตลาดจับตาถ้อยแถลงประธานเฟดและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ก่อนกล่าวต่อหน้าวุฒิสภา 24 ก.ย. นี้
คณะกรรมาธิการของสหรัฐฯ เผยว่า นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ และนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด มีกำหนดการกล่าวแถลงการณ์ต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐฯเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือวิกฤตไวรัสโคโรนาในวันที่ 24 ก.ย.นี้
· ผู้นำยุโรปกล่าวกับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เกี่ยวกับการเปิดตลาดต่างๆเพิ่ม หากจีนยอมเคารพสิทธิของชนกลุ่มน้อย และถอนตัวจากการปราบปรามในฮ่องกง และยืนยันว่ายุโรปจะไม่ถูกเอาเปรียบทางการค้าอีกต่อไป
ซึ่งการแถลงความกังวลดังกล่าว สะท้อนเห็นว่า อียูจะไม่เข้าข้างฝ่ายใดที่ส่งผลต่อความขัดแย้งทางการค้าระดับโลกระหว่างสหรัฐฯและจีน
· นักบริหารเงิน คาดว่าวันนี้เงินบาทจะอยู่ในกรอบ 31.20 - 31.35 บาท/ดอลลาร์
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ธนาคารไทยพาณิชย์ โดย Economic Intelligence Center (EIC) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 63 เป็นหดตัว -7.8% จากเดิมคาดว่าจะหดตัวราว -7.3% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอลง เพราะยังมีอุปสรรคของการฟื้นตัวอีกหลายประการ ท่ามกลางความเสี่ยงสำคัญหลายด้าน โดยเฉพาะความเปราะบางในตลาดแรงงานและการปิดกิจการของธุรกิจที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ทิศทางค่าเงินบาทอาจมีความผันผวนสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทย รวมถึงอาจสร้างความท้าทายแก่การดำเนินนโยบายการเงินของทางการไทยในระยะข้างหน้า
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ข้อมูล และการสนับสนุนทางเทคนิค ยกระดับการใช้ประโยชน์ข้อมูลที่มีขนาดใหญ่และละเอียด (Big data) จากฐานข้อมูลที่ธปท.เก็บรวบรวม และจากฐานข้อมูลที่ สสช.ทำการสำรวจหรือดำเนินการจัดทำให้คุ้มค่าและสร้างประโยชน์ในวงกว้างยิ่งขึ้นเพื่อช่วยในการติดตามและวิเคราะห์โครงสร้างและทิศทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างรอบด้าน
- ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ในเดือน ส.ค.63 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าลดลง 21% อยู่ในเกณฑ์ซบเซา โดยปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ปัจจัยรองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในอเมริกาและยุโรป
- นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยืนยันว่า ไม่มีแนวคิดในการสลับตำแหน่งให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ไปนั่งเก้าอี้ รมว.คลัง แล้วโยกย้ายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จากรมว.อุตสาหกรรม มาเป็น รมว.พลังงานแทน ตามที่มีกระแสข่าวออกมา