· ค่าเงินเยนแข็งค่าทำสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์จากคาดการณ์เฟด
ค่าเงินดอลลาร์และเงินเยนได้รับแรงหนุนจากเหล่าเทรดเดอร์ที่รอคอยการตัดสินใจของเฟดในการประชุมคืนนี้ ด้านหยวนยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าจากมุมมองเศรษฐกิจจีนที่สดใส
ทั้งนี้ ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าทำสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์บริเวณ 105.26 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ดอลลาร์ก็มีการรีบาวน์เล็กน้อยในวันนี้
สำหรับค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นจากที่ไปทำต่ำสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากข้อมูลภาคแรงงานที่แข็งแกร่งเกินคาด ประกอบกับเสียงค้านแผนละเมิดข้อตกลงถอนตัว Brexit โดยล่าสุดเงินปอนด์อยู่ที่ 1.2877 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินหยวนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ดีกว่าที่คาด โดยหยวนล่าสุดอยู่ที่ 6.7835 หยวน/ดอลลาร์ จากที่ไปทำสูงสุดเมื่อวันอังคารบริเวณ 6.7663 หยวน/ดอลลาร์
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวลดลง ท่ามกลางนักลงทุนรอคอยการประชุมเฟด
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงมาที่บริเวณ 0.6740% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับลงมาที่ 1.4226%
· เฟดถูกคาดจะปรับเพิ่มคาการณ์เศรษฐกิจ ขยายเวลาการตรึงดอกเบี้ยระดับต่ำ
ในการประชุมเฟดคืนนี้ถูกคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่อาจมีการให้คำมั่นถึงการจะตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปตราบเท่าที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจำเป็นต้องมีการสนับสนุนการฟื้นตัวจากภาวะขาลงเชิงลึกในรอบหลาย 10 ปี
ในช่วงการประชุม 2 วันนี้จะเป็นครั้งแรกของการประชุมเฟดภายใต้การดำเนินกรอบนโยบายใหม่ที่เฟดให้คำมั่นว่าจะมีการอนุญาตให้เงินเฟ้อปรับขึ้นเหนือระัดบ 2% จากที่เงินเฟ้อ ณ ปัจจุบันอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย ท่ามกลางเฟดที่น่าจะยังไม่ทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้ว่าอัตราว่างงานยังคงอยู่ระดับต่ำได้เร็วกว่าคาดการณ์
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เฟดน่าจะยังไม่พร้อมเปลี่ยนแปลงนโยบายใหม่ที่นำไปสู่ผลต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันที่อยู่ในกรอบ 0-0.25% จนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะขึ้นไปได้ถึง 2.5%
อย่างไรก็ดี เฟดจะมีการประกาศนโยบายในช่วงเวลาประมาณตี 1 (ตามเวลาไทย) และจากนั้นจะมีการกล่าวถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดในอีกครึ่งชั่วโมงตามมา (01.30น.)
· เงินเฟ้ออังกฤษปรับลงแต่ลงน้อยกว่าที่คาด
ข้อมูลเงินเฟ้ออังกฤษประจำเดือนส.ค. ปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 0.2% จากคาดการณ์ที่ว่าจะออกมาที่ 0.0% และจากเดิมที่อยู่ที่ 1.0% ในเดือนก.ค.
· อังกฤษเล็งเห็นทางผ่านในการละเมิดสนธิสัญญา Brexit
คณะรัฐบาลของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เล็งเห็นทางที่จะทำให้อังกฤษผ่านร่างข้อกฎหมาย Internal Market Bill ที่จะเปิดทางให้สามารถละเมิดข้อตกลงการถอนตัวจาก Brexit ในการเจรจากับผู้ไม่เห็นด้วยในพรรคอนุรักษ์นิยม โดยทางอียูต้องการให้อังกฤษยกเลิกแผนดังกล่าวภายในช่วงสิ้นเดือนนี้ และยังเป็นประเด็นที่สมาชิกพรรคกำลังหารือกันในรัฐสภา ที่อาจได้รับเสียงคัดค้านจากพรรคอนุรักษ์นิยม
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าเสียงค้านดังกล่าวสะท้อนถึงว่าอังกฤษก็ยังต้องการที่จะทำข้อตกลงกับทางอียูอยู่
· "ซูงะ" ถูกเลือกเป็นนายกฯญี่ปุ่นคนใหม่ครั้งแรกในรอบ 8 ปี
นายโยชิฮิเดะ ซูงะ ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นการเลือกนายกฯคนใหม่ในรอบเกือบ 8 ปี และเป็นการเผชิญวาม้าทายอย่างมากในการฟื้นคืนเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตไวรัสโคโรนา
ทั้งนี้ นายซูงะได้รับคะแนนโหวตจากทางสภาล่าง โดยที่พรรค LDP ของเขามีการครองเสียงข้างมาก
· CEO ของ Standard Chartered กล่าวว่า ฮ่องกงเป็นประเทศที่ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับการเป็นศูนย์กลางการธนาคาร
CEO จาก Standard Chartered กล่าวว่า ประเทศฮ่องกงถือเป็นศูนย์กลางทางการเงินโลกที่ยังมีความปลอดภัยค่อนข้างมาก แม้ว่าจะมีความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนก็ตาม โดยฮ่องกงยังถือเป็นเกตเวย์ทางการเงินไปยังจีนและนอกประเทศจีน
· เฮอริเคนแซลลีเคลื่อนตัวพัดสู่บริเวณโรงกลั่นน้ำมันสหรัฐฯ ท่ามกลางฝนตกหนักกดดันอุปสงค์พลังงาน
พายุเฮอริเคนแซลลี เคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯในวันนี้บริเวณโรงกลั่นน้ำมันสหรัฐฯ จึงส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกหนักและอาจกดดันอุปสงค์พลังานทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ
· คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบกับโอกาสเผชิญแรงขายบริเวณ 38.70 เหรียญ/บาร์เรล
นักวิเคราะห์จาก FXStreet วิเคราะห์ว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ปรับขึ้นเหนืออบแนวต้านที่แข็งแกร่งบริเวณ 37.80/38.00 เหรียญ/บาร์เรล จึงมีโอกาสจะเห็นแรงขายเกิดขึ้นแถวแนว 38.70/39.00 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่จุด Stop Loss ที่ควรมีคือบริเวณ 39.40 เหรียญ/บาร์เรล
วิเคราะห์ภายรายวัน
น้ำมันดิบ WTI มีโอกาสทำ Short จากโอกาสบริเวณ 38.70/39.00 เหรียญ/บาร์เรล โดยจะมีเป้าหมายที่บริเวณ 38.40/38.30 เหรียญ/บาร์เรล และแนวรับสำคัญ 38.00/37.80 เหรียญ/บาร์เรล โดยหากหลุดต่ำกว่าระดับ 37.60 เหรียญ/บาร์เรลลงมา มีโอกาสเห็นราคาทดสอบระดับเป้าหมาย 37.20/37.30 เหรียญ/บาร์เรล
ทั้งนี้ หากต่ำกว่า 37.10 เหรียญ/บาร์เรลลงมาอีกก็มีโอกาสมาที่ 36.80/36.70 เหรียญ/บาร์เรล ก่อนจะกลับหาแนวรับบริเวณ 36.00/35.80 เหรียญ/บาร์เรล
นอกจากนี้ หากราคายังมีการปรับตัวลงต่อหลุดต่ำกว่า 35.40 เหรียญ/บาร์เรล ก็จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดแรงขายมาทดสอบเป้าหมายแรก 34.60/34.40 เหรียญ/บาร์เรล
ดังนั้น โอกาสในการขายจึงอยู่บริเวณ 38.70 เหรียญ/บาร์เรล และมี Stop Loss ที่ 39.40 เหรียญ/บาร์เรล แต่หากกลับขึ้นเหนือระดับดังกล่าวก็มีโอกาสทดสอบเป้าหมาย 39.85 - 40.00 เหรียญ/บาร์เรล
· น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น จากพายุเฮอริเคนกระทบการผลิตสหรัฐฯ ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบลดลง
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เพิ่มขึ้นเกือบ 3% เนื่องจากพายุเฮอริเคนส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่งสหรัฐฯ และรายงานอุตสาหกรรมที่แสดงให้เห็นว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯลดลง
โดยราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือคิดเป็น 2.1% ที่ระดับ 41.38 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 92 เซนต์ หรือคิดเป็น 2.4% ที่ระดับ 39.20 เหรียญ/บาร์เรล