• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 22 กันยายน 2563

    22 กันยายน 2563 | Economic News
 

· ดอลลาร์แข็งค่าใกล้สูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ ท่ามกลางตลาดหุ้นเผชิญแรงเทขาย

ค่าเงินดอลลาร์ยังคงปรับแข็งค่าขึ้นได้ในวันนี้ หลังจากที่ตลาดมีความกังวลเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนาและความกังวลต่อการเลื่อนข้อตกลงฉบับใหม่ของสหรัฐฯ ที่ก่อให้เกิดแรงเทขายเข้ามาแทบทุกตลาดสินทรัพย์

สำหรับวันนี้ตลาดเอเชียเคลื่อนไหวปานกลางจากวันหยุดทำการของญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดหุ้นยังมีแรงเทขายอยู่

กลุ่มนักลงทุนจับตาท่าทีของประธานเฟดและรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่มีกำหนดจะกล่าวแถลงการณ์ต่อคณะกรรมาธิการในสภาคองเกรสช่วงเวลาประมาณ 21.30น.

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นมาทรงตัวบริเวณ 93.519 จุด แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ที่ทำไว้วานนี้

ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงมาที่ 104.57 เยน/ดอลลาร์

ภาพรวมนักลงทุนมีความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นในยุโรป ประกอบกับการที่สหรัฐฯยังไม่สามารถตกลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ รวมทั้งความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่อาจสร้างอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก

ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1.18 ดอลลาร์/ยูโร โดยอ่อนค่าลงมาที่ 1.1768 ดอลลาร์/ยูโรในตลาดเอเชีย ขณะที่เงินปอนด์ปรับอ่อนค่ามาที่ 1.2822 ดอลลาร์/ปอนด์ ท่ามกลางการเจรจารอบใหม่เกี่ยวกับมาตรการคุมเข้มของอังกฤษเพื่อป้องกกันการระบาดเพิ่มของไวรัส

สำนักข่าว Telegraph รายงานว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะทำการประกาศให้ประชาชนกลับมาทำงานที่บ้าน

ค่าเงินหยวนแข็งค่าลงมา 0.1% ที่ 6.7880 หยวน/ดอลลาร์

เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวกับกลุ่มผู้สนับสนุนทางการเมืองนับพันราย โดยปฏิเสธถึงข้อซักถามเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนมูลค่าดอลลาร์

นักกลยุทธ์จาก DBS Bank กล่าวว่า ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นในค่าเงินดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตร อันเนื่องจากแรงเทขายในตลาดหุ้นที่เกิดขึ้น ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังคงอ่อนแอ หากว่าคืนนี้ "ประธานเฟดและรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ" ล้มเหลวในการจัดการความขัดแย้งของสภาคองเกรสในการผลักดันร่างการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่


· สัปดาห์แห่ง "ประธานเฟด" กับการกล่าวแถลงการณ์ต่อคองเกรส

นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด จะกล่าวแถลงการณ์ต่อหน้าคณะกรรมาธิการ 3 หน่วยงานของสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ โดยเขาจะเผชิญกับข้อซักถามของเจ้าหน้าที่ต่างๆ และความกังวลเกี่ยวกับมาตรการฉุกเฉินต่างๆที่ธนาคารกลางจะใช้เพื่อจัดการกับเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโคโรนา

นายโพเวลล์ มีกำหนดแถลงการณ์ร่วมกับ นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯในคืนนี้ และวันพฤหัสบดี โดยมีแนวโน้มว่าเราน่าจะเห็นถึงความกังวลของบรรดาคณะกรรมาธิการเกี่ยวกับการจำกัดการเพิ่มโครงการช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดเล็ก และการดำเนินการอื่นๆของเฟด ที่ดูจะส่งผลหนุนตลาดหุ้นและความไม่เสมอภาคทางเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกันเหลือเวลาเพียง 6 สัปดาห์เท่านั้นที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคาดว่า คณะกรรมาธิการกำกับดูแลด้านบริการทางการเงินของสภาผู้แทนราษฎร น่าจะให้ความสนใจการรับมือของภาครัฐบาลด้วย

สำหรับคืนวันพุธ ประธานเฟดจะขึ้นกล่าวแถลงการณ์กับคณะกรรมาธิการย่อยของสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับวิกฤตไวรัสโคโรนา

คืนวันพฤหัสบดี จะเป็นการกล่าวแถลงการณ์กับคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐฯ และในวันนี้จะเป็นวันที่ประธานเฟดขึ้นกล่าวแถลงการณ์คู่กับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ


· การตัดสินใจเรื่องวัคซีน Covid-19 เป็นประเด็นต่อไปที่จะสร้างความเสี่ยงครั้งใหญ่ต่อตลาด

มุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับวัคซีน Covid-19 เพื่อมายุติการระบาดของไวรัสโคโรนาดูจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักแห่งปีที่ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นได้ แต่ก็อาจจะต้องเผชิญกับคำวิจารณ์การทดสอบต่อในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนทีรอดูว่าการทดสอบของทางคลินิคเป็นผลดีหรือไม่

นักวิเคราะห์จาก UBS พบว่า ตลาดปรับขึ้นได้ประมาณ 40% ตั้งแต่เดือนพ.ค. จากข่าวความหวังของวัคซีน ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกรวมแล้วกว่า 960,000 ราย

รายงานจาก Reuters ระบุว่า ทั่วโลกกำลังพยายามพัฒนาวัคซีนให้เกิดขึ้นได้โดยเร็ววัน นำโดยบริษัท Pfizer Inc ที่ดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่คาดจะเห็นวัคซีนในช่วงเดือนต.ค. หรือ เดือนพ.ย. แต่ผลลัพธ์ก็อาจออกมาน่าผิดหวังต่อตลาดจากความกังวลเรื่องการเลื่อนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ร่วมกับความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันที่ 3 พ.ย. นี้

หัวหน้าฝ่ายการลงทุนจาก Greenwood Capital คาดว่าการทดลองค่อนข้างเป็นไปด้วยดี แต่หากมีข่าวใดๆที่ออกมาตรงกันข้ามก็อาจยิ่งสร้างความเสี่ยงให้แก่ตลาดได้

บริษัท Good Judgment กล่าวถึงบางคาดการณ์เกี่ยวกับความพร้อมใช้งานวัคซีนที่ลดน้อยลงไป โดยคาดการณ์ล่าสุดดูเหมือนจะมีโอกาส 54% ที่วัคซีนจะพร้อมแจกจ่ายให้แก่ชาวสหรัฐฯน่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงสิ้นเดือนมี.ค. ปีหน้า จากคาดการณ์เดิมในเดือนก.ค. ที่ 20%


บริษัท Pfizer และ Moderna อาจมีรายงานถึงผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพในช่วงเดือนต.ค. หรือ พ.ย. ขณะที่การอนุมัติหรือการใช้อำนาจลงนามวัคซีนเป็นการฉุกเฉินในปีนี้ อาจส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยว หรือหุ้นต่างๆมีการปรับตัวขึ้นมา จากการคลายความกังวลเรื่องการระบาดของไวรัสที่ส่งผลให้เกิดการ Shutdown ลงไป

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าวัคซีนจะได้รับการอนุมัติ แต่ก็จะมีคำถามต่อต้านตามมาถึงวิธีการที่ได้มาโดยง่าย ขณะที่ทีมบริหารของนายทรัปม์ และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธรณสุขดูจะมีความการณ์ที่ขัดแย้งกันในเรื่องการแจกจ่ายวัคซีนแก่ประชาชน


· กรมศุลกากรจีนแก้ไขการกำกับดูแลด้านการนำเข้าน้ำมันเพื่อหนุนการฟื้นตัวอย่างมีประสิทธิภาพ

กรมศุลกากรจีน เผยจะทำการแก้ไขแนวทางการกำกับดูแลการนำเข้าน้ำมันดิบ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามหนุนการฟื้นตัวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะมีการอนุญาตให้เรือบรรทุกสินค้าสามารถผ่านด่านศุลกากรได้ก่อนจะมีการตรวจสอบคุณภาพ และมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 ต.ค. โดยกลุ่มผู้นำเข้าจะได้รับอนุญาตให้เริ่มปล่อยน้ำมันดิบได้ 1 ครั้ง กับทางเจ้าหน้าที่กงสุล และมีการเก็บข้อมูลสำคัญๆ เป็นต้น

พร้อมกันนี้ กลุ่มผู้นำเข้าน้ำมันจะยังได้รับอนุญาตให้ใช้หรือขายน้ำมันได้หลังผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการเป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ การนำเข้าน้ำมันถือเป็นหัวใจสำหรับบริเวณชายฝั่งของจีน อันประกอบด้วยจังหวัดชางดง, เจ้อเจียง และกวางตุ้ง ที่ได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ค. - ส.ค. ท่ามกลางการเข้าซื้อน้ำมันดิบเป็นประวัติการณ์

อย่างไรก็ดี หากพบปัญหาใดๆที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย, คุณภาพ หรือมีหลักฐานการทุจริตทางการค้าก็จะถูกดำเนินการตามปกติ


· Global Times รายงานว่า จีนยังไม่มีการอนุมัติข้อตกลง TikTok กับทาง Oralce และ Walmart

อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์ Global Times รายงานว่า รัฐบาลจีนไม่มีแนวโน้มที่จะอนุมัติข้อตกลงที่บริษัท ByteDance ที่ทำร่วมกับ Oracle และ Walmart เกี่ยวกับการดำเนินกิจการของ TikTok ในอนาคต

โดยบริษัท ByteDance เปิดเผยว่า จะสร้างบริษัทในเครือในสหรัฐฯ ที่มี Oracle และ Walmart ร่วมถือหุ้นบางส่วน และมีการบริหารงานส่วนใหญ่โดยชาวสหรัฐฯ เพื่อที่จะทำให้รัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยินยอมให้ TikTok ดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯได้ต่อไป หลังจากที่ทรัมป์ขู่จะปิดบริการของ TikTok ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงก่อนหน้านี้

ซึ่งบริษัทของสหรัฐฯดังกล่าวจะเข้าซื้อเพื่อเป็นเจ้าของภายใต้ชื่อ TikTok Global ที่มีผู้บริหารหลักเป็นฝั่งสหรัฐฯ ขณะที่บริษัท ByteDance แย้งว่า TikTok Global นั้น สหรัฐฯจะเป็นเจ้าของเพียง 80% เท่านั้น


· อดีตนักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs ระบุว่า เศรษฐกิจจีนเติบโตได้ดีตามคาดหลังเผชิญ Covid-19 พร้อมคาดหวังว่าจะเห็นจีดีพีจีนในช่วงสิ้นปีนี้เติบโตได้ในแดนบวก ขณะที่ปี 32021 มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็อาจสูญเสียเทรนขาขึ้นไปด้วยเช่นกันจากการระบาดของไวรัส


· การระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบกับศูนย์กลางการผลิตสินค้าเทศกาลคริสมาสต์ของจีน


· ฮ่องกงขยายมาตรการ Social Distancing อีกสัปดาห์

นางแครี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประกาศว่า รัฐบาลฮ่องกงจะขยายระยะเวลาบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปอีก 1 สัปดาห์ หลังยังพบผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาโดยไม่ทราบแหล่งที่มา

แม้เราพบผู้ติดเชื้อจำนวนไม่มาก แต่ก็มีผู้ติดเชื้อบางรายที่ไม่ทราบแหล่งที่มา ซึ่งอาจเป็นการติดต่อโดยไม่แสดงอาการ

ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ฮ่องกงได้อนุญาตให้บาร์ สระว่ายน้ำ และสวนสนุก เปิดบริการอีกครั้ง โดยสามารถเปิดให้บริการจนถึงเที่ยงคืนและบริการรับประทานอาหารที่ร้านอาหารจะขยายออกไปอีกสองชั่วโมงและจนถึงเวลา 12.00 น. นอกจากนี้ รัฐบาลจะจำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะไว้ที่ไม่เกิน 4 คน


· รัฐบาลไทยอนุมัติงบ 1.6 พันล้านเหรียญ หนุนค่าใช้จ่าย

สำนักข่าว Reuters เผยว่า รัฐบาลไทยมีการอนุมัติงบประมาณมูลค่า 5.1 หมื่นล้านบาท (1.6 พันล้านเหรียญ) เพื่อสนับสนุนการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ และเพื่อช่วยเยียวยาประเทศจากผลกระทบของการระบาดของไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ นายประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย กล่าวว่า นโยบายดังกล่าวจะช่วยหนุนค่าใช้จ่ายให้เพิ่มขึ้น และลดค่าครองชีพของประชาชนได้


· ธนาคารกลางสิงคโปร์ กล่าวย้ำจะทำการศึกษารายงานอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับการยักยอกเงินของภาคธนาคาร


· ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาของอินเดียต่ำสุดในรอบเกือบเดือน

อินเดียรายงานยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาโคโรนาเพิ่มขึ้น 75,083 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในแต่ละวันในรอบเกือบหนึ่งเดือน

ขณะที่มียอดผู้เสียชีวิต 1,053 รายในช่วงเวลาเดียวกัน

ยอดผู้ติดเชื้อสะสมรวมล่าสุดที่ 5.6 ล้านรายในประเทศรองจากสหรัฐฯ


· น้ำมันดิบทรงตัวเมื่อพายุสหรัฐฯผ่อนคลายลง แต่ความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของอุปสงค์ยังคงมีอยู่

ราคาน้ำมันดิบมีเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย หลังจากการร่วงลงไปอย่างรวดเร็วในชั่วข้ามคืนที่ผ่านมา เนื่องจากพายุโซนร้อนในอ่าวเม็กซิโกผ่อนคลายลงไป แต่ความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์เชื้อเพลิงยังคงมีอยู่ทั่วโลกจากกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 3 เซนต์หรือ 0.1% ลดลงเหลือ 41.41 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 4 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.1% ที่ระดับ 39.27 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com