ดอลลาร์แข็งค่าต่อกดดันทอง, ตลาดให้ความสนใจถ้อยแถลงเฟด
· ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.4% ที่ 1,904.34 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -0.2% ที่ 1,907.6 เหรียญ
· ราคาทองคำปิดปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 จากการที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าทำระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือน ท่ามกลางนักลงทุนที่จับตาถ้อยแถลงบรรดาสมาชิกเฟดเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้
· เมื่อคืนนี้ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ระบุว่า เนื่องด้วยภาพรวมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังมีความไม่แน่นอน ดังนั้น เฟดจะทำทุกอย่างเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น
ขณะที่ นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯเสี่ยงจะเผชิญกับภาวะถดถอย หากสภาคองเกรสยังล้มเหลวในการผ่านร่างแพ็คเกจทางการเงิน
· กองทุนทองคำ SPDR ทำการเทขายทองคำออก 0.59 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,278.23 ตัน ซึ่งยังเป็นระดับถือครองมากสุดตั้งแต่ 25 ก.พ. ปี 2013
· ประธานฝ่ายการตลาดจาก TIAA Bank ระบุว่า ราคาทองคำและตลาดหุ้นมีการปรับตัวลงในเวลาเดียวกัน เนื่องจากนักลงทุนต้องการถือครองเงินสด และสินค้าในกลุ่มโลหะมีค่าก็ดูจะให้ผลตอบแทนเป็นเงินสดได้ดีมากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังถูกกดดันจากปัจจัยทางเทคนิค และโดยเฉพาะการแข็งค่าของดอลลาร์
· ดอลลาร์เมื่อวานนี้ทำสูงสุดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ เนื่องจากตลาดยังปราศจากความคืบหน้าใดๆเกี่ยวกับข้อตกลงทางการเงินของสภาคองเกรส
· ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดจาก High Ridge Futures กล่าวว่า การเสียชีวิตของ นายรูธ กินส์เบิร์ก ผู้พิพากษาสูงสุดของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบกับการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา ท่ามกลางรีพับลิกันและเดโมแครตที่ยังไม่สามารถหาข้อตกลงกันได้
· ราคาซิลเวอร์ปิด -1.5% ที่ 24.37 เหรียญ ด้านแพลทินัมปิด -1.4% ที่ 869.31 เหรียญ และราคาพลาเดียมปิด -1.1% ที่ 2,248.03 เหรียญ
· เจอโรมและมนูชิน เรียกร้องให้มีการกระตุ้นการใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากไวรัสโคโรนา
นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงคลังสหรัฐฯ กล่าวชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โดยแสดงความเห็นในเชิงความต้องการให้เกิดการเพิ่มค่าใช้จ่ายรัฐบาลเพิ่มเติมที่จำเป็นต่อการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างมีเสถียรภาพ
ด้านนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมที่จะช่วยให้เข้าถึงโครงการเงินกู้ที่จัดตั้งขึ้นร่วมกับเฟดได้ง่ายขึ้น
· สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯผ่านร่างงบประมาณเลี่ยง Shutdown กำลังยื่นต่อวุฒิสภา
เช้านี้ทางสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมีการผ่านร่างงบประมาณรัฐบาลเพื่อเลี่ยงภาวะ Shutdown ที่มีกำหนดเส้นตายในวันที่ 30 ก.ย. นี้ออกไปเป็นวันที่ 11 ธ.ค. นี้แทน โดยที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันมีการเห็นพ้องต่อข้อตกลงในร่างงบประมาณดังกล่าว
โดยในข้อตกลงจะมีกาเพิ่มงบประมาณการช่วยเหลือด้านโภชนาการแก่นักเรียนในสถานศึกษาและครอบครัวเป็นมูลค่า 8 พันล้านเหรียญ ภายใต้โครงการ Pandemic EBT รอบใหม่ หลังจากที่ฉบับเดิมจะหมดอายุลงในช่วงสิ้นเดือนนี้เช่นกัน ซึ่งจะขยายโครงการดังกล่าวออกไปจนถึงสิ้นปี
· ที่ปรึกษาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ระบุว่า ไม่มีความจำเป็นต้องการะตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มสำหรับการฟื้นตัวแบบ V-Shaped
นายแลรี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจระดับสูงของนายทรัมป์ กล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯจากวิกฤตไวรัสโคโรนานั้น ดูจะยังไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจในเวลานี้ แม้ว่าในกลุ่มอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจจะได้รับประโยชน์จากการมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมก็ตาม
ทั้งนี้ เขาคิดว่าเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี ดังนั้น เราจึงต้องใช้เครื่องมือเข้าช่วยเหลือในบางสถานการณ์เท่านั้น
· ตึงเครียดสหรัฐฯ-จีนเพิ่ม หลังทรัมป์จี้ UN เอาผิดจีน ฐานปล่อยไวรัสคุกคามโลก
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องให้บรรดาผู้นำในกลุ่ม UN ทำการลงโทษจีนต่อกรณีทำให้ไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลให้เกิดวิกฤตทางด้านสุขภาพ
· สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมีมติเอกฉันท์ผ่านร่างกฎหมายกฎหมายที่มีการใช้แรงงานจากจีน
เมื่อคืนนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติเอกฉันท์ 406 ต่อ 3 เหรียญ ในการผ่านร่างกฎหมายการคุมเข้มการนำเขาสินค้าที่ผลิตจากแรงงานของจีน พร้อมเพิ่มการคุ้มครองชาวอุยกูร์ในแผ่นดินจีน
· ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาทะลุ 31.76 ล้านราย เสียชีวิตรวมสูงกว่า 974,000 ราย ขณะที่สหรัฐฯยอดติดเชื้อพุ่ง 7.09 ล้านราย และมียอดเสียชีวิตทะลุ 205,000 รายเป็นที่เรียบร้อย
ขณะที่อินเดียที่เป็นประเทศที่มีการติดเชื้อรายวันมากที่สุดของโลก ล่าสุดมียอดรวมสะสมที่ 5.64 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตทะลุ 90,000 รายขึ้นมาแล้ว ด้านบราซิลยอดติดเชื้อรวมใกล้แตะ 5 ล้านรายแล้วในเร็วๆนี้
· รัฐวินคอนซินของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเตือนหลังจำนวนการระบาดของไวรัสโคโรนาพุ่งขึ้น และมีผู้เสียชีวิตภายในประเทศทะลุ 200,000 ราย ดังนั้น ในรัฐวินคอนซินจึงจะยายเวลาการสวมใส่หน้ากากอนามัยออกไปจนถึงเดือน พ.ย.
· ทรัมป์ยันสหรัฐฯจะยังไม่กลับไปใช้มาตรการคุมเข้ม แม้อังกฤษจะเริ่มกลับมาใช้ก็ตาม
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯจะไม่กำหนดมาตรการคุมเข้มใดๆจากการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนากับธุรกิจและผู้อยู่อาศัยในประเทศ แม้ว่าอังกฤษจะกลับมาใช้มาตรการดังกล่าวแล้ว เพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม
· นายกอังกฤษฯ ชี้ จำเป็นต้องควบคุมการระบาดของ Covid-19 รอบใหม่ แต่เศรษฐกิจจะยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการ Lockdown อีกครั้ง
· ทรัมป์-ไบเดน จะเผชิญคำถามเรื่อง Covid-19 จากสภาสูงในการเผชิญหน้ากันในการดีเบตครั้งแรกในสัปดาห์หน้า (29 ก.ย.)
ทั้งนี้ การเผชิญหน้ากันในฐานะผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกคาดว่าจะมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยการดีเบตมี 6 ประเด็นคำถาม ดังนี้
- ประวัติของ “ทรัมป์” และ “ไบเดน”
- ข้อซักถามจากศาลสูง
- Covid-19
- มุมมองเศรษฐกิจ
- การแข่งขันและความรุนแรงในสหรัฐฯ
- ความซื้อสัตย์ในการเลือกตั้ง
· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.30-31.50 บาท/ดอลลาร์ โดยตั้งแต่ช่วงเช้าเมื่อวานนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไปมาก ด้านฝั่ง Export ค่าเงินบาทขึ้นไปทำ high ที่ระดับ 31.42 บาท/ดอลลาร์ และระหว่างวันค่อนข้างผันผวน โดยวันนี้คงต้องจับตาการประชุมกนง. ว่าจะมีความเห็นต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าอย่างไร ขณะที่คาดว่ากนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมที่ 0.50% ต่อปี
· อ้างอิงจากสำนักข่าว MGR Online
คาด กนง.คงดอกเบี้ย จับตา ธปท.ปรับประมาณการเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุม กนง. ในวันที่ 23 กันยายนนี้ คณะกรรมการฯ จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% โดยมาตรการที่จำเป็นในขณะนี้คงมุ่งเน้นไปที่เรื่องสภาพคล่องของธุรกิจและครัวเรือน ซึ่งน่าจะเป็นมาตรการที่แก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่าการปรับลดดอกเบี้ย
นอกจากผลการประชุม กนง. คงต้องติดตามประมาณการเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งคาดว่าธปท.อาจมีมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยที่ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยหากมีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลง คงปรับลดเพียงเล็กน้อย เนื่องจากประเด็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ และการเบิกจ่ายงบประมาณที่ต่ำกว่าแผนเป็นหลัก
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ระบุว่า จากรายงานข่าวเรื่องธนาคารของไทย 4 แห่ง ซึ่งปรากฎชื่อของ EXIM BANK รวมอยู่ด้วย มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมโอนเงินต้องสงสัยนั้น ขอชี้แจงว่า ธุรกรรมดังกล่าวเป็นกระบวนการทำงานปกติซึ่งธนาคารได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว และไม่พบรายการต้องห้าม ทั้งยังได้ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอย่างครบถ้วน จึงได้ดำเนินธุรกรรมตามขั้นตอนปกติ
- สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า CIBMT ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย (GDP) ปีนี้จากเดิมคาดไว้ที่ -8.9% เป็น -7.5% และให้มุมมองเศรษฐกิจปีหน้าคาดว่าจะขยายตัว 2.8% โดยมองว่าภาพรวมครึ่งหลังของปี 63 มีแนวโน้มดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า โดยเฉพาะเมื่อ GDP ไตรมาส 2/63 ไม่ได้หดตัวแรงอย่างที่เราประเมินไว้
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการโครงการคนละครึ่ง และเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ได้พิจารณาไว้ แต่มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศณษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ และกระทรวงการคลัง กลับไปพิจารณารายละเอียดหลักเกณฑ์ ก่อนจะนำเสนอ ครม.ในสัปดาห์หน้าอีกครั้ง