ดอลลาร์แข็งจากเฟด, การระบาดของไวรัสโคโรนา และความกังวลการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 และมีการทำสูงสุดรอบ 8 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง และกลุ่มนักลงทุนเกิดการตั้งคำถามต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสภาวะที่การระบาดของไวรัสโคโรนากำลังเพิ่มขึ้น ประกอบกับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในยุโรป และความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายของฝั่งสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ข้อมูลการเติบโตของภาคธุรกิจในยูโรโซนชะลอตัวลงในเดือนก.ย. จากการะบาดรอบใหม่ที่ก่อให้เกิดความกังวลต่อการกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มมากขึ้น ที่อาจกกระทบต่อเศรษฐกิจอีกครั้ง
ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.43% ที่ระดับ 94.385 จุด โดยระหว่างวันทำสูงสุดตั้งแต่ 24 ก.ค. บริเวณ 94.435 จุด
ยูโรอ่อนค่าลง 0.42% ที่ระดับ 1.1657 ดอลลาร์/ยูโร โดยระหว่างวันทำต่ำสุดตั้งแต่ 27 ก.ค. ที่ 1.16515 ดอลลาร์/ยูโร
เทรดเดอร์ในค่าเงินปอนด์และยูโรกำลังเป็นกังวลมากขึ้นว่า อังกฤษและอียูจะคว้าน้ำเหลวในการหาข้อตกลงการค้าเสรี และจะยิ่งกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ เงินปอนด์ยังถูกกดดันจาการที่ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มรอบใหม่เพื่อต่อสู้กับ Second Wave
ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้ปอนด์อ่อนค่าลงอีก 0.09% ที่ 1.2719 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยที่ช่วงต้นตลาดทำ Low มากสุดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.ค. บริเวณ 1.2676 ดอลลาร์/ปอนด์
- นักกลยุทธ์ค่าเงินอาวุโสจาก BofA Securities กล่าวว่า ตลาดค่าเงินดูจะลดมุมมองเชิงบวก และกังวลต่อภาวะความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโลก โดยจะเห็นได้จากข่าวเชิงลบในเรื่องไวรัสโคโรนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ประกอบกับการที่เฟดลดท่าทีผ่อนคลายทางการเงิน จึงทำให้นักลงทุนเข้าถือครองดอลลาร์มากขึ้น นอกจากนี้ดูเหมือนสมาชิกเฟดจะเริ่มส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อไม่ได้สร้างปัญหาใด
- นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก Macquarie มองว่า การปราศจากความชัดเจนของถ้อยแถลงเฟดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนดอลลาร์ เนื่องจากส่วนใหญ่คาดหวังว่าเฟดน่าจะมีมาตรการพิเศษเพิ่มเติมสำหรับเป้าหมายระยะกลางและระยะยาวในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติม