· ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเพิ่มขึ้น 200 จุด หลังร่วงลงไปทำต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์
ดัชนีฟิวเจอร์สสหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากร่วงลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์
โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวเพิ่มขึ้น 213 จุด ทางด้าน S&P500 ฟิวเจอร์ส และ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส เคลื่อนไหวในแดนบวก
· หุ้นจีนหนุนหุ้นเอเชีย ท่ามกลางตลาดที่จับตาไปยังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและการดีเบตประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นจีนหนุนหุ้นเอเชียให้ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าเหล่านักลงทุนยังคงระมัดระวังการลงทุน ก่อนหน้าการดีเบตประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมทั้งยอดติดเชื้อจากแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้นกดดันความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
โดยหุ้นจีนเปิดตัวสูงขึ้นและช่วยหนุนตลาดเอเชีย โดยดัชนีบลูชิพ CSI 300 CSI300 เพิ่มขึ้น 0.85% SSE.SSEC ของเซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้น 0.5%
ข้อมูลในช่วงสุดสัปดาห์ แสดงให้เห็นว่าผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมของจีนประจำเดือนส.ค.เติบโตขึ้นเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกัน โดยส่วนหนึ่งมาจากการฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และผู้ผลิตอุปกรณ์
นอกจากนี้ตลาดจะมุ่งเน้นไปที่ความคืบหน้าเกี่ยวกับแพ็คเกจการสนับสนุนเศรษฐกิจครั้งใหม่ในสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจะจับตาดูการเจรจาการ Brexit ต่อไปในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.5% ที่ระดับ 550.47 จุด แต่ยังคงอยู่แถวระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่บริเวณ 543.66 จุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
· หุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น ได้แรงหนุนจากวันรับเงินปันผล
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดปรับตัวสูงขึ้น ตามความต้องการที่มากขึ้นสำหรับหุ้นที่มีการกำหนดให้มีการจ่ายเงินปันผลในช่วงสัปดาห์นี้ แม้ว่าจะถูกกดดันจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนก็ตาม
โดยดัชนี Nikkei ปิดพุ่ง 1.32% ที่ระดับ 23,511.62 จุด ด้านดัชนี Topix พุ่งขึ้น 1.69% ที่ระดับ 1,661.93 จุด
นักลงทุนได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เมื่อดัชนีหลักส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ขณะที่ในญี่ปุ่น นักวิเคราะห์อ้างถึงความต้องการดัชนีฟิวเจอร์สและกองทุนรวมที่เพิ่มความเชื่อมั่นหนึ่งวันก่อนวันที่มีการจ่ายเงินปันผล
แต่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนได้เพิ่มขึ้น หลังจากมีรายงานว่าสหรัฐฯเพิ่มมาตรการคุมเข้มด้านการส่งออกสินค้าให้แก่บริษัท SMIC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีน หลังจากมีข้อสรุปถึง “ความเสี่ยงที่ไม่อาจยอมรับได้” ที่จีนอาจนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหาร
· หุ้นยุโรปเพิ่มขึ้น หลังหุ้น HSBC พุ่ง 10%
ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัว หลังจากที่ภาพรวมรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้นและสถานการณ์ทางการเมือง
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 1.7% ด้านหุ้นภาคธนาคารพุ่ง 4.1% โดย
หุ้น HSBC พุ่งขึ้น 10% ในการซื้อขายช่วงแรกซึ่งเป็นผลมาจากเปอร์เซ็นต์ที่ได้รับรายวันมากที่สุดในรอบกว่าทศวรรษหลังจาก Ping An Insurance ของจีนประกาศว่าจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในผู้ให้กู้รายใหญ่ที่สุดของยุโรป ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคที่เคลื่อนไหวในแดนบวก
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
Ø ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานวันนี้ จะมีการพิจารณาแนวทางเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV)
Ø ผ่านฉลุย! มาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศวงเงิน 5.1 หมื่นล้านบาท "คลัง" ตั้งแท่นแจกเงินเบ็ดเสร็จ 24ล้านคน เติมเงินเพิ่มในบัตรคนจนอีก 500 บาทต่อคน ช่วง 3 เดือน พร้อมแจก 3,000 บาท ให้ 10 ล้านคน ในโครงการคนละครึ่ง
อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
Ø ศบค.เผยมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 22 คน กลับจากต่างประเทศ สะสม 3,545 คน ส่วนทั่วโลกติดเชื้อแตะ 33 ล้านคน เสียชีวิตทะลุ 1 ล้านคน พร้อมขยายใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯอีก 1 เดือน สิ้นสุด 31 ต.ค.63
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธินโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในวันนี้ (28 ก.ย.63) พบผู้ป่วยรายใหม่ 22 คน กลับจากต่างประเทศ ทำให้ผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,545 คน เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 2,445 คน และจากสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 607 คน มีผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 2 คน รวมหายป่วยสะสม 3,369 คน อยู่ระหว่างการรักษา 117 คน และเสียชีวิต 59 คน