ดอลลาร์อ่อน-หนุนทองรีบาวน์
· ทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ก่อนการดีเบตของประธานาธิบดีสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ แม้ว่าการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นจะจำกัดการปรับขึ้นของทองคำบางส่วน โดยตลาดหุ้นได้รับอานิสงส์จากผลประกอบการภาคบริษัทของจีนที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4
· ราคาทองคำปิด +1% ที่ 1,878.33 เหรียญ ด้านสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.9% ที่ระดับ 1,882.30 เหรียญ
· กองทุนทองคำ SPDR เข้าซื้อทองคำเพิ่มอีก 2.05 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,268.89 ตัน
· สำหรับประเด็นเด่นวันนี้คือการที่ “นายไบเดน” และ “นายทรัมป์” จะเผชิญหน้ากันในการดีเบตประธานาธิบดีสหรัฐฯคืนนี้
· นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ทองคำมีแนวรับสำคัญใหม่ที่ 1,850 เหรียญ โดยเป็นจุดที่นักลงทุนดูจะเริ่มต้นมองเป็นเชิงบวกมากขึ้นหลังจากที่ทองคำอ่อนตัว ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจัยที่กดดันทองคำในช่วงนี้คือการเคลื่อนไหวของดอลลาร์ และการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้นักลงทุนมองเป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้ออีกครั้ง
· ซิลเวอร์ปิด +2.9% ที่ 23.52 เหรียญ ด้านแพลทินัมปิด +4% ที่ 880.93 เหรียญ และพลาเดียมปิด +1.7% ที่ 2,253 เหรียญ
· เดโมแครตเผยร่างมาตรการช่วยเหลือ Covid-19
นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เผยว่า ทางส.ส.จากพรรเดโมแครตมีการเผยแผนมาตรการช่วยเหลือ Covid-19 ฉบับใหม่ในวงเงิน 2.2 ล้านล้านเหรียญ ที่เป็นมาตรการที่ประนีประนอมและมีการลดค่าใช้จ่ายบางประการเพื่อให้เกิดร่างช่วยเหลือครั้งนี้
ขณะที่เดียวกัน เธอกล่าวว่าพรรเดโมแครตเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งรอบใหม่ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร
· วิกฤตไวรัสโคโรนาส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกเกิน 1 ล้านราย กระทบทิศทางเศรษฐกิจโลกในช่วงเวลา 9 เดือน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 33.54 ล้านราย
ดร.ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการ WHO กล่าวว่า จำนวนผู้เสียชีวิตทะลุ 1 ล้านรายถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก และเราต้องหาวิธีรับมือก่อนที่ตัวเลขจะเริ่มขยายตัวไปที่ระดับ 2 ล้านราย
· “ฟาวซี” กังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผู้ติดเชื้อสหรัฐฯที่พุ่งสุงกว่า 25% ในบางพื้นที่ทางฝัง่มิดเวสต์
ดร.แอนโธนี ฟาวซี ที่ปรึกษาเรื่องไวรัสโคโรนาประจำทำเนียบขาว แสดงความกังวลต่อทิศทางการติดเชื้อในสหรัฐฯที่ยังคงมีรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่ในทุกๆวันมากกว่า 40,000 ราย
นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯจะพบยอดผู้ติดเชื้อมากขึ้นอีกจากการทดสอบหาเชื้อ และจะเห็นได้ว่าในบางแห่งของรัฐมิดเวสต์ค่อนข้างน่าเป็นห่วงกับแนวโน้มการติดเชื้อ ซึ่งในเวลานี้พบว่ามีกว่า 10 รัฐในฝั่งมิดเวสต์และตะวันตกของประเทศที่มียอดติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น
· เศรษฐกิจสหรัฐฯ, Covid-19 และความเหลื่อมล้ำ ถือเป็นประเด็นใหญ่ที่ผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีให้ความสนใจในการดีเบตครั้งแรกระหว่าง “ทรัมป์-ไบเดน”
ชาวสหรัฐฯส่วนใหญ่เฝ้ารอการพบกันเป็นครั้งแรกระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯและนายโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตในการดีเบตกันวันนี้ที่รัฐเคฟแลนด์ ในช่วงเวลาประมาณ 08.00น. – 09.30น. (ตามเวลาประเทศไทยในวันพรุ่งนี้) และจะมีรายงานสดผ่านทาง CNBC โดยส่วนใหญ่รอทั้งคู่จะให้คำตอบที่ชัดเจนถึงแผนการฟื้นเศรษฐกิจและต่อสู้กับการระบาดของไวรัส รวมทั้งความเหลื่อมล้ำอย่างไร
ขณะที่ก่อนเกิดการดีเบตนั้น มีรายงานถึงการที่ “นายทรัมป์” มีการหลีกเลี่ยงจ่ายภาษีหรือมีการชำระในอัตราที่น้อย จึงถูกคาดว่าจะเป็นประเด็นใหม่ที่ “นายไบเดน” นำมาใช้โจมตีในการดีเบตครั้งนี้
อย่างไรก็ดี บางส่วนยังคงกังวลว่าไม่ว่าใครจะได้ตำแหน่งก็อาจจะไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งระหว่างชาวผิวสีและเรื่องการดำเนินการของตำรวจท้องถิ่นได้
· ดอยซ์แบงก์ คาด บีโออีมีแนวโน้มใช้ดอกเบี้ยติดลบในต้นปี 2021
ขณะที่สมาชิกบีโออี เผยว่า บีโออีกำลังพิจารณาว่าหากมีการใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบจะสามารถช่วยให้เศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวได้เป็นอย่างดีหรือไม่
· สหรัฐฯขู่จะอพยพนักการทูตสหรัฐฯประจำอิรัก ส่งผลให้นักการทูตอิรักกังวลว่าอาจเกิดสงครามภายในประเทศได้อีกครั้ง
· นักบริหารเงิน คาดกรอบเงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหว 31.55-31.75 บาท/ดอลลาร์ โดยเมื่อวานนี้ค่าเงินบาททำ New High ในรอบสองเดือน และอ่อนค่าสุดในภูมิภาค แต่ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบ ช่วงนี้รอดูความคืบหน้ามาตรการทางการคลังของสหรัฐฯและสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 3/63 จะดีขึ้นจากไตรมาส 2/63 ที่ติดลบมากถึง -12.2% เนื่องจากในเดือน ก.ค.-ส.ค.63 เห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยในเดือน ต.ค.63 กระทรวงการคลังจะทบทวนประมาณการเศรษฐกิจในปี 63 และปี 64 อีกครั้ง
ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน ส.ค. 63 ยังคงชะลอตัวแต่มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะ การผลิตภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม การส่งออกสินค้า และการบริโภคภาคเอกชน สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจต่าง ๆ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ภายหลังมาตรการผ่อนคลายการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
- ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติด้านสาธารณสุข จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโนาส่งผลกระทบมาถึงการถดถอยของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งประเทศไทยถือว่าได้รับผลกระทบจากการถดถอยของเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ปัจจัยสำคัญที่ยังคงเป็นแรงกดดันให้กับเศรษฐกิจไทยในการเผชิญกับความท้าทายของวิกฤติในครั้งนี้ คือ ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจที่เป็นสิ่งที่ยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนให้เห็นผลจริงอย่างเป็นรูปธรรมออกมาชัดเจน
- นายกรัฐมนตรีของไทย ระบุว่า รัฐบาลต้องคิดแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องเตรียมความพร้อมจะรองรับกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้ ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี ตั้งแต่ต.ค.-ธ.ค. แต่ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนทั้งประเทศร่วมกันดูแลและปฏิบัติตามกฎระเบียบกติกา พร้อมทั้งรแต่งตั้ง รมว.คลังคนใหม่ แทนนายปรีดี ดาวฉาย จะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า ซึ่งคุณสมบัติของ รมว.คลังคนใหม่จะเป็นผู้ที่เป็นที่รู้จัก รู้งานด้านเศรษฐกิจและการทำงานของรัฐบาล ใจถึง และเข้มแข็ง
- ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เห็นชอบเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรคราวที่ 6 ตั้งแต่ 1-31 ต.ค.63 เพื่อควบคุมและป้องกันไวรัสโคโรโรนา
- ที่ประชุม ศบค.ได้อนุญาตให้ต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนักกีฬาที่จะเข้าร่วมการแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ 6-16 ต.ค., กลุ่มนักบินและลูกเรือ บมจ.การบินไทย (THAI) 340 ราย, กลุ่มที่ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราว ได้แก่ นักธุรกิจที่ไม่มีใบอนุญาตที่มีเป็นจำนวนมาก แต่ต้องมีสำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลังไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท, การกำหนดเงื่อนไขผู้ขอวีซ่าท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มลองสเตย์ (STV) , กลุ่มผู้ถือบัตรเอเปคการ์ดราว 1 แสนคน และ กลุ่มผู้ที่ประสงค์จะพำนักในประเทศไทยทั้งระยะสั้นและระยะยาว
อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่: www.mtsgold.co.th