ราคาทองคำทรงตัว จากดอลลาร์อ่อนค่า ก่อนหน้าการดีเบตผู้ท้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ
· ราคาทองคำเคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์จากระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่ให้ความสนใจไปยังการดีเบตครั้งแรกของผู้ท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์และนายโจ ไบเดน รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา
· ราคาทองคำตลาดโลกทรงตัวบริเวณ 1,880.01 เหรียญโดยประมาณ หลังจากพุ่งขึ้น 1.1% ในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นภาพรวมรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
· ด้านสัญญาทองคำเพิ่มขึ้น 0.2% แถว 1,885.50 เหรียญ
· ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง หลังจากขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่บริเวณ 94.745 จุด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
· นักเศรษฐศาสตร์จาก OCBC Bank ระบุว่า การปรับอ่อนค่าลงของค่าเงินดอลลาณื ช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงึข้นได้อย่างแข็งแกร่ง ยังชี้ให้เห็นถึงความคาดหวังของการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มเติมในสหรัฐฯ โดย หากร่างกฎหมายนั้นผ่านไปก่อนการเลือกตั้งเดือนพ.ย. เขาคิดว่านั่นจะช่วยหนุนความจต้องการสินทรัพย์เสี่ยง และผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์และการคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น
· โดยนางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แสดงความคาดหวังว่าจะเห็นการบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้กับพรรครีพับลิกันเกี่ยวกับแพ็คเกจมาตรการช่วยเหลือผลกระบจากไวรัสโคโรนา ท่ามกลางการเจรจาที่ยังเดินหน้าต่อไป หลังจากที่ทางบรรดาส.ส. เริ่มต้นร่างข้อตกลงในวงเงิน 2.2 ล้านล้านเหรียญ
· ภาพรวมปีนี้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 20% เนื่องจากทองคำซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและการชะลอตัวของสกุลเงิน โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่เคยมีมาก่อนโดยรัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
· ผู้จัดการสินค้าโภคภัณฑ์อาวุโสของ Phillip Futures ระบุว่า การดีเบตของประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับทิศทางทองคำในระยะสั้น
· UBS แนะนำ ควรซื้อทองเวลานี้
UBS Global Wealth Management ให้สัมภาษณ์กับ CNBC โดยระบุว่า นักลงทุนควรที่จะถือครองทองคำในเวลานี้ เนื่องจากเป็น "สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงที่ดีมาก" ก่อนเกิดเหตุการณ์เสี่ยง อาทิ การเลือกตั้งของสหรัฐฯ
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนจาก UBS ระบุว่า ทองคำมีแนวโน้มจะกลับขึ้นแถว 2,000 เหรียญได้ในช่วงสิ้นปีนี้ โดยทองคำถือเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงได้ดี ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการระบาดของไวรัสโคโรนา ดังนั้น การอ่อนตัวลงของทองคำเมื่อไม่นานนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะหาจุดเข้าซื้อทองคำ
นอกจากนี้ "สภาวะอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ" ก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้ ทองคำมีความน่าดึงดูด
หากเฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป ที่ถือว่าเป็นระดับที่ "ค่อนข้างต่ำมาก" ก็น่าจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไม่เป็นที่จูงใจของนักลงทุน
ขณะที่กกลุ่มนักลงทุนดูจะหันไปเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรจีน หลังจากที่ได้รับการยอมรับเป็นหนึ่งในดัชนีหลักของทาง FTSE Russell ภายใต้ World Government Bond Index ที่จะมีผลตั้งแต่ต.ค. ปี 2021 เป็นต้นไป และนั่นดูจะส่งผลให้เม็ดเงินนับพันล้านเหรียญไหลเข้าสู่จีนมากขึ้น
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรจีน ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในภูมิภาค เมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่อยู่ที่ระดับ 0.6% ซึ่งอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าก็จะให้ผลตอบแทนที่มากกว่า และส่งผลดีต่อภาครัฐบาลอย่างมาก ควบคู่กับหนุนให้ยอดงบดุลบัญชีมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
· ราคาซิลเวอร์ปิด -1% ที่ 23.49 เหรียญ ราคาแพลทินัมปิด -0.3% ที่ 876.47 เหรียญ
· ราคาพลาเดียมปิด +0.4% ที่ 2,263.97 เหรียญ