· ดอลลาร์ทรงตัว จับตา "ดีเบตปธน.สหรัฐฯ"
ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัว โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 94.209 จุด ท่ามกลางตลาดการเงินที่ให้ความสำคัญกับการดีเบตของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่จะเผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก ประกอบกับเหล่าเทรดเดอร์ที่ตอบรับกับความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ทุกสายตาให้ความสนใจกับการดีเบตประธานาธิบดีสหรัฐ ระหว่าง "นายทรัมป์" ประธานาธิบดีคนปัจจุบันจากพรรครีพับลิกัน และ "นายไบเดน" จากพรรเดโมแครตที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ตามเวลาต่างประเทศ หรือช่วงเช้า 08.00 - 09.30น. ตามเวลาประเทศไทยในวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังให้ความสำคัญกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯด้วย
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Mizuho Bank กล่าวว่า หากการดีเบตในครั้งนี้นายทรัมป์ ยังมีคะแนนนิยมน้อยกว่านายทรัมป์ ก็ดูจะทำให้นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ลงได้
ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ตอบรับข่าวเชิงบวกข้อตกลงการค้า Brexit หลังจากที่ล่าสุดทั้งสองฝ่าย ระบุถึงความเป็นไปได้ของข้อตกลงการค้าเสรีที่ยังมีอยู่
เงินปอนด์แข็งค่าอีก 0.18% ที่ระดับ 1.2856 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่วานนี้ทำสูงสุดได้ที่ 1.2930 ดอลลาร์/ปอนด์
นอกจากนี้ ผู้ว่าการบีโออี ยังระบุว่า ธนาคารจะคงดอกเบี้ยระดับต่ำ 0.1% ต่อไปก่อน และทางบีโออีกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่อาจปรับลดดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าระดับศูนย์
ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1674 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ นางคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบี ย้ำถึงการจะเฝ้าระวังต่อการแข็งค่าของค่าเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อ
ขณะเดียวกัน ฝั่งยุโรปยังคงพบจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาใหม่เพิ่มขึ้น และเทรดเดอร์กำลังให้ความสำคัญกับข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคในยูโรโซน รวมถึงความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนก.ย. ว่าจะส่งสัญญาณถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างไร
ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 105.52 เยน/ดอลลาร์
หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดจาก AxiCorp กล่าวว่า ปัญหาในเวลานี้คือสภาวะความเสี่ยงทางการเมืองทั่วโลก ที่ทำให้เงินเยนค่อนข้างทรงตัว แต่หากเงินเฟ้อได้รับผลกระทบ เชื่อว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงมากกว่านี้ และจะส่งผลให้เกิดความต้องการถือครองเงินเยนเพิ่ม
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวลดลง ก่อนหน้าการดีเบตครั้งแรกของผู้ท้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงมาที่บริเวณ 0.6561% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับลงมาที่ 1.4149%
· ผู้แทนเจรจาอียูยินดีที่จะเจรจาข้อตกลงทางกฎหมายกับอังกฤษ
สำนักข่าว The Times รายงานว่า ผู้แทนเจรจาฝั่งยุโรปส่งสัญญาณความตั้งใจที่จะเริ่มต้นเจรจาข้อตกลงการค้าในเชิงกฎหมายกับทางอังกฤษ ก่อนที่จะเข้าสู่โต๊ะเจรจากันในวันนี้
· ผลสำรวจเฟดชี้ ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้สหรัฐฯปรับตัวลดลงในช่วง 3 ปีแรก ภายใต้การบริหารของทีมบริหาร "ทรัมป์" ท่ามกลางการเพิ่มค่าแรง และอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำ ที่ช่วยหนุนให้กลุ่มคนรายได้น้อยและครอบครัวที่มีการศึกษาน้อย
· ผู้แทนเจรจาอียูยินดีที่จะเจรจาข้อตกลงทางกฎหมายกับอังกฤษ
สำนักข่าว The Times รายงานว่า ผู้แทนเจรจาฝั่งยุโรปส่งสัญญาณความตั้งใจที่จะเริ่มต้นเจรจาข้อตกลงการค้าในเชิงกฎหมายกับทางอังกฤษ ก่อนที่จะเข้าสู่โต๊ะเจรจากันในวันนี้
· World Bank เผย วิกฤตไวรัสกดดันเศรษฐกิจเอเชียโตต่ำสุดตั้งแต่ปี 1967
ธนาคารโลก หรือ World Bank ระบุว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาถูกคาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจในแถบเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก รวมถึงจีนเติบโตได้ช้าสุดในรอบกว่า 50 ปี ท่ามกลางประชาชนกว่า 38 ล้านคนที่มีแนวโน้มจะมีฐานยากจนมากขึ้น
ทั้งนี้ World Bank คาดว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคดังกล่าวจะโตได้เพียง 0.9% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1967
สำหรับเศรษฐกิจจีนถูกคาดว่าจะโตได้ 2% ในปีนี้ ท่ามกลางแรงสนับสนุนของภาครัฐในเรื่องค่าใช้จ่าย, การส่งออก, และการระบาดของไวรัสในประเทศที่อยู่ระดับต่ำมาตั้งแต่เดือนมี.ค. แต่การอุปโภคบริโภคภายในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ
ประเทศที่เหลือในเอเชียตะวันออกและภูมิภาคแปซิฟิค คาดอาจหดตัว -3.5%
นอกจากนี้ World Bank ยังคาดว่า ประชาชนกว่า 33 ล้านคน อาจเผชิญกับภาวะยากจนจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่จะยังคงระบาดอยู่ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่
แต่การเลือกใช้นโยบายต่างๆอย่างชาญฉลาด และท่าทีตึงเครียดทางการค้าที่ผ่อนคลายลง รวมทั้งการลงทุนในการทดสอบหาเชื้อไวรัส และเพิ่มเงินสนับสนุนการทดลอง และการขยายมาตรการป้องกันทางสังคมที่ครอบคลุมถึงกลุ่มคนยากจน และภาคส่วนต่างๆ ก็ดูจะเสริมการเติบโตได้
· ที่ปรึกษารัฐมนตรีจีน ชี้ จีนจำเป็นต้องร่างแผนปฏิรูปเพื่อกำหนดกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจฉบับใหม่
ที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนจำเป็นต้องเพิ่มการปฏิรูป เพื่อกำหนดกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจฉบับใหม่ต่อการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ
นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มีวัตถุประสงค์ในการสร้างกลยุทธ์แบบ "2 ขั้ว" สำหรับความก้าวหน้าต่อไปทางเศรษฐกิจเพื่อให้สูงกว่าความต้องการในประเทศ รวมทั้งรองรับต่อปัจจัยจ่างประเทศ โดยเป็นลักษณะการปฏิรูปเชิงรุก
· สหรัฐฯคว่ำบาตร กดดัน "Huawei" ในการเพิ่มการลงทุนในภาคเทคโนโลยีจีน
บริษัท Huawei Technologies มีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทเซมิคอนดักเตอร์สต่างๆของจีน รวมทั้งธุรกิจเทคโนโลยีอื่นๆ ในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อช่วยสนับสนุนคู่ค้าที่อยู่ใน Supply Chain เดียวกัน ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนความพยายามดังกล่าวกำลังถูกกดดันจากสหรัฐฯที่เพิ่มแรงตึงเครียดด้วยข้อจำกัดต่างๆที่เข้มงวด
ทั้งนี้ ความพยายามของ Huawei ร่วมกับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากภาครัฐที่เพื่อให้จีนเป็นหนึ่งในด้านเซมิคอนดัคเตอร์ส เนื่องจากเทคโนโลยีในด้านดังกล่าวยังคงล้าหลังกว่ากลุ่มผู้ผลิตชิปชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ, เกาหลีใต้ และไต้หวัน
· กรุงเทพฯ - นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มแรกเข้าไทย 8 ตุลาคมนี้
สบค.เห็นชอบให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้ ตามมาตรการวีซ่านักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ เที่ยวบินแรกเริ่ม 8 ตุลาคมนี้ เป็นชาวจีน 150 คน ไปที่ภูเก็ต คาดใช้จ่าย 8 แสนบาท ต่อคนต่อทริป 2 เดือน
· น้ำมันดิบปรับลดลง จากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ บดบังความหวังในการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังจากที่ปรับขึ้นไปได้ในช่วงก่อนหน้านี้ จากความกังวลเกี่ยวกับอุปาสงค์ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งกดดันความหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ด้านรายงานจาก Reuters แสดงให้เห็นว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาเพิ่มสูงขึ้นทะลุ 1 ล้านราย
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 34 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.8% ที่ระดับ 40.26 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 32 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.8% ที่ระดับ 42.55 เหรียญ/บาร์เรล