· หุ้นเอเชียแตะระดับสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ หลังทรัมป์ออกจากโรงพยาบาล
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดมากกว่า 2 สัปดาห์ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกจากโรงพยาบาลหลังได้รับการรักษาเชื้อไวรัสโคโรนา และความคาดหวังของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐฯที่ดูเหมือนจะสดใสขึ้น
สำหรับวันนี้ตลาดหุ้นจีนยังคงปิดทำการเนื่องจากวันหยุดเทศกาล Golden Week
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น 0.67% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ครึ่ง
· หุ้นญี่ปุ่นแตะระดับสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ หลังทรัมป์กลับมาหนุนความเชื่อมั่นสินทรัพย์เสี่ยง
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสินทรัพย์เสี่ยงได้เพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับมาที่ทำเนียบขาวหลังจากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรณรที่ติดเชือ้ไวรัสโคโรนาในช่วงุสดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมือง
โดยดัชนี Nikkei ปิด +0.52% ที่ระดับ 23,433.73 จุด ด้านดัชนี Topix +0.52% เช่นเดียวกัน ที่ระดับ 1,645.75 จุด ซึ่งทั้งสองดัชนีปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา
เหล่านักลงทุนได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา ท่ามกลางนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจและการกลับมาทำงานของนายทรัมป์ที่ทำเนียบขาว หลังจากที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ทางแพทย์ของทรัมป์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ทรัมป์ไม่ได้มีไข้มานานกว่า 72 ชั่วโมงและระดับออกซิเจนของเขาอยู่ในระดับปกติ แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะบอกว่า ทรัมป์ตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ก่อนที่จะได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ทางฝั่งของญี่ปุ่น หุ้นเทคโนโลยีและหุ้นเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น หลังจากที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นมากกว่า 2%
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย หลังนายทรัมป์กลับมาทำงานที่ทำเนียบขาว
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางตลาดทั่วโลกที่ตอบรับกับการกลับไปทำงานที่ทำเนีบบขาวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯหลังจากเข้ารักษาไวรัสโคโรนา
ทั้งนี้ ดชันี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.1% ด้านหุ้นสาธารณูปโภคเพิ่มึข้น 0.7% ขณะที่หุ้นด้านสุขภาพลดลง 0.3%
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
· เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. คาดว่าจะอนุมัติตั้งกระดานซื้อขายหลักทรัพย์ธุรกิจเอสเอ็มอีรวมถึงสตาร์ทอัพ (กระดานที่ 3) ได้ในไตรมาส 2 ปี 64 จากปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของอนุกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำลังพิจารณาเพื่อส่งต่อมาให้คณะกรรมการก.ล.ต. (บอร์ด) พิจารณาอนุมัติต่อไป โดยมีเป้าหมายส่งเสริมและสนับสนุนเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนให้มากขึ้น ผ่านการระดมทุนในตลาดทุนไทย
· กพอ.สั่งเดินหน้าศึกษา 3 เมกะโปรเจกต์ใหม่ มูลค่ารวม 1.18 ล้านล้านบาท เชื่อมโยงความเจริญอีอีซีสู่ภูมิภาคอื่นและนานาชาติ ประกอบด้วย ท่าเรือบก 3 แห่ง แลนด์บริดจ์เชื่อมอ่าวไทยและอันดามัน และสะพานไทย ถนน 4 เลนข้ามทะเล เชื่อมโยงอีอีซีไปสู่เอสอีซี
· ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยเปิดเผยว่า ปัจจุบันสภาพคล่องในตลาดมีเป็นจำนวนมาก ทำให้ตลาดหุ้นกู้ยังเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน โดยเฉพาะหุ้นกู้ที่มีอันดับเครดิต BB+ขึ้นไป ในช่วงสุดท้ายของปีนี้จะมีเอกชนออกหุ้นวงเงิน 240,000 ล้านบาท ทำให้ยอดออกหุ้นกู้ทั้งปีอยู่ที่ 800,000 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกจำหน่าย 80% เป็นการออกทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนด
· "อนุทิน" ถกคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เคาะจัดหางบประมาณ 2,930 ล้านบาท จองวัคซีนโควิด-19 ฉีดคนไทยระยะแรก 33 ล้านคน ส่วนวัคซีนไทยทำ คาดได้ตัวต้นแบบ ม.ค.64 ก่อนทดลองในคน
· ศบค.อนุมัตินักธุรกิจต่างชาติ 1.1 หมื่นคนเข้าประเทศแล้ว พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวลองสเตย์ จ่อไฟเขียวนักลงทุนราย ใหญ่มาแบบระยะสั้น รอ คกก.เฉพาะกิจชงมาตรการคุมเข้มโควิด