• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 7 ตุลาคม 2563

    7 ตุลาคม 2563 | Economic News
 

·         ดอลลาร์ทรงตัวในทิศทางแข็งค่า หลังการเลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯกระทบความเชื่อมั่นตลาด

ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นได้หลังจากที่นายทรัมป์ยกเลิกเจรจากับเดโมแครตเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงยิ่งตอกย้ำให้นักลงทุนหันเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงต่อที่ 1.1734 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่วานนี้ดอลลาร์แข็งขึ้นมาประมาณ 0.4%

ขณะที่ถ้อยแถลงประธานเฟดวานนี้ก็ตอกย้ำว่าการปราศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำให้การฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะขาลง

เทรดเดอร์รอรายงานประชุมเฟดคืนนี้ รวมทั้งถ้อยแถลงของประานเฟดสาขาต่างๆที่จะส่งสัญญาณต่อมุมมองการดำเนินนโยบายและเศรษฐกิจ

ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลให้เยนแข็งค่ามาแตะ 105.7 เยน/ดอลลาร์

การซื้อขายค่าเงินในตลาดเอเชียค่อนข้างซบเซา เนื่องจากตลาดค่าเงินในจีนส่วนใหญ่ยังคงปิดทำการเนื่องในวันหยุดยาว

นายทรัมป์กลับเข้าทำงานที่ทำเนียบขาวตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากที่นอนรพ.รักษาอาการติดเชื้อโควิดเป็นเวลา 3 วันในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ กล่าวว่า การที่นายทรัมป์ถูกปล่อยตัวจากโรงพยาบาล "ดูจะสร้างความเสี่ยงเพิ่มขึ้นให้แก่บุคคลอื่น" ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสส่วนใหญ่พบการติดเชื้อมากขึ้น

Reuters/Ipsos Poll  เผยว่าในช่วงกลางเดือนก.ย. ภาพรวมนายโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตมีเสียงสนับสนุนมากกว่านายทรัมป์ประมาณ 4% ขณะที่ข้อมูลอัพเดตเมื่อ 2 - 6 ต.ค. พบว่า นายไบเดนมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 52% เมื่อเทียบกับของนายทรัมป์ที่ 40%

 

นักวิเคราะห์จาก Mizuho Yamamoto กล่าวว่า กลุ่มนักลงทุนกำลังเริ่มหันมาสนใจการได้รับชัยชนะของนายไบเดนมากขึ้น ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนดอลลาร์

 

·         "ฟาวซี" ชี้ การระบาดของ Covid-19 ในทำเนียบขาวอาจควบคุมได้

ดร.แอนโธนี ฟาววี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อของสหรัฐฯ กล่าวว่า หลายๆคนที่ใกล้ชิดกับนายทรัมป์ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรครีพับลิกันมีการติดเชื้อ Covid-19 นับตั้งแต่ที่นายทรัมป์ ประกาศว่าตนเองและภริยาติดเชื้อโควิดไปเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว  ซึ่งหากมีการปฏฺบัติตามคำแนะนำ เขาก็เชื่อว่าการระบาดที่เกิดขึ้นจะสามารถควบคุมได้

 

·         ทรัมป์ยกเลิกเจรจากระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ไบเดน ชี้ ถ้าเขาเป็นประธานาธิบดีเขาจะหนุนเจรจาเอง และจะทำให้ชาวอเมริกาก้าวพ้นจากวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้

 

·         เฟดน่าจะหนุนการผ่อนคลายทางการเงินต่อไป มุ่งเน้นเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

รายงานประชุมเฟดเดือนที่แล้วจะมีการประกาศในเดือนนี้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะยังระบุถึงการคงดอกเบี้ยระดับต่ำไปจนถึงปี 2023 และน่าจะรอขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าเงินเฟ้อจะแตะเป้าหมาย 2% ได้

ซึ่งการที่เงินเฟ้อจะแตะ 2% นั้นต้องใช้เวลานานเท่าใด และเฟดเองอาจจะมีเครื่องมือเร่งอย่างไรนั้น ไม่น่าจะถูกระบุในรายงานเกี่ยวกับสัญญาณชี้นำใหม่ในครั้งนี้

อย่างไรก็ดี รายงานประชุมเฟดจะประกาศในช่วงเวลาตี 1 (ตามเวลาไทยในคืนนี้) ซึ่งบางทีอาจมีสัญญาณใหม่บางอย่างจากเฟดเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการเรื่องเงินเฟ้อ

 

·         Barclays มีแผนจะเข้าสู่ ใน ตลาด Private Banking ของยุโรปในปี 2021

 

 

·         ตราสารหนี้ในประเทศเอเชียขนาดใหญ่มีความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีนที่อาจร้อนแรงมากขึ้น

ตราสารหนี้ของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีนกำลังเป็นที่จับตามองของตลาดอีกครั้ง ท่ามกลางสภาพคล่องจากบรรดานักพัฒนาระดับสูงจาก China Evergrande ที่กระตุ้นความกังวลของกลุ่มนักลงทุน  ซึ่งจะเห็นได้ว่าราคาในกลุ่มดังกล่าวมีการรีบาวน์อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเศรษฐกิจที่กลับมาเปิดทำการอีกครั้ง หลังจากที่เข้าสู่สภาวะที่ค่อนข้างแย่ในช่วงไวรัสระบาดที่ผ่านมา จึงจำกัดค่า Ratio ที่สัมพันธ์กับกระแสเงินสดสินทรัพย์ และระดับเงินทุน

จากข้อมูลที่หลุดออกมาในเดือนที่แล้ว เกี่ยวกับกระแสเงินสดที่เข้าสู่ Evergrande ก็ดูจะส่งผลให้ตลาดเกิดความกังวลต่อสภาพคล่องที่เข้าสู่กลุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

บรรดานักวิเคราะห์ กล่าวเตือนว่าอาจมีแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นต่อความสามารถของพวกเขาในการจ่ายชำระคืนสำหรับตราสารหนี้ของพวกเขาในตลาดพันธบัตรปีหน้า

 

·         จีนเรียกร้องสหรัฐฯยุติสงครามเย็น  หลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เดินหน้าผูกสัมพันธ์กับออสเตรเลีย อินเดีย และญี่ปุ่น เพื่อหวังลดอิทธิพลของจีน

 

·         บรรดารัฐมนตรีญี่ปุ่น เรียกร้องงบประมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 9.97 แสนล้านเหรียญ สำหรับงบการเงินปีหน้า หวังหนุนค่าใช้จ่ายในช่วง Covid-19 และกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น

 

·         คาดเศรษฐกิจสิงคโปร์ดิ่งไตรมาส 3 ทำให้ธนาคารกลางเลือกคงดอกเบี้ย

รายงานจากรอยเตอร์ส เผยว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์ถูกคาดว่าจะดิ่งลงในไตรมาส 3/2020 ซึ่งคาดจะหดตัวลงมาที่ -6.8% หลังไตรมาสที่ 2/2020 หดตัวลงไปมากสุดเป็นประวัติการณ์ -13.2%  ท่ามกลางการใช้มาตรการจำกัดการระบาดของไวรัสโคโรนา ที่จะส่งผลให้ธนาคารกลางสิงคโปร์เลือกใช้วิธีคงดอกเบี้ยต่อไปในการประชุมสัปดาห์หน้า

 

·         รัฐมนตรีกระทรวงการคลังจากประเทศออสเตรเลีย ระบุว่า ภาครัฐบาลกำลังเตรียมการลงทุนเพื่อให้เกิดการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งมูลค่านับพันล้านเหรียญ  สำหรับการปรับลดภาษีเงินได้ส่วนบุคคลในกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางโปรแกรมการสร้างงาน และการสนับสนุนเศรษฐกิจ และละเว้นภาษีชั่วคราวให้แก่บริษัทที่จะเริ่มกลับมาลงทุนอีกครั้

 

·         ราคาน้ำมันร่วงลงหลังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจถึงทางตัน และการเพิ่มขึ้นสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ

ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงหลังจากที่นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯที่ได้ยกเลิกเจรจาข้อตกลงสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเหลือไวรัสโคโรนาครั้งที่สี่ และสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 42 เซนต์ หรือ 1% ที่ระดับ 40 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.7% ที่ระรับ 42.35 เหรียญ/บาร์เรล



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com