จากพรรครีพับลิกัน และนางคอมมาลา แฮริส จากพรรเดโมแครต ค่อนข้างมีมารยาท, ชัดเจน และมีวินัยมากกว่าแสดงความไม่พอใจใส่กันเหมือนการดีเบตประธานาธิบดีสหรัฐฯรอบแรก
นางแฮริส เปิดประเด็นแรกในการตอบเรื่องวิกฤตไวรัสโคโรนา โดยระบุว่า "ประชาชนชาวสหรัฐฯเป็นพยานได้ว่า ทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯในปัจจุบันมีความล้มเหลวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ"
ประเด็นการระบาดของไวรัสโคโรนา
นางแฮริส:
ย้ำถึง จำนวนผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯที่มีจำนวนมาก และกล่าวตำหนิทีมบริหารของนายทรัมป์ที่ล้มเหลวในการดำเนินการในช่วงแรกๆที่เกิดการระบาด
นายเพนซ์:
ค้าน โดยระบุว่า ทีมบริหารของนายทรัมป์มีการจัดการกับวิกฤตได้ดี ขณะที่ทีมบริหารของนายไบเดนอาจไม่สามารถจัดการสถานการณ์ได้ดีกว่านี้หากต้องรับมือในเหตุการณ์เดียวกัน
พร้อมย้ำว่า ประเทศของเราค่อนข้างเผชิญเวลาท้าทายอย่างมากในปีนี้ และ "ชาวสหรัฐฯ รู้ดีว่าเราพยายามตั้งแต่วันแรก ซึ่งประธานาธิบดีของเราเป็นห่วงสุขภาพของประชาชนชาวสหรัฐฯเป็นอันดับแรก"
----------------------
แฮริส โจมตี "ทรัมป์" กรณีเลี่ยงภาษี
นางแฮริส:
อ้างอิงรายงานของ The New York Times ที่ระบุว่า นายทรัมป์จ่ายภาษีเพียง 750 เหรียญ ในปี 2016 และ 750 เหรียญ ในปีต่อมา โดยอ้างถึงฐานทางการเงินที่ตึงตัวและมีหนี้สูงกว่า 420 ล้านเหรียญ โดยส่วนใหญ่มีกำหนดชำระคืนใน 4 ปีข้างหน้า
นายเพนซ์:
ตอบกลับว่า นายทรัมป์จ่ายภาษีหลักร้อยล้าน และรายงานดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง
----------------------
ย้ำถึงประเด็นที่ "ทรัมป์-ไบเดน" เคยดีเบตกัน
นางแฮริส:
อ้างรายงานถึงทัศนคติที่น่ารังเกียจของนายทรัมป์ รวมถึงการดำเนินการทางการทหารสหรัฐฯด้วย
นายเพนซ์:
ปฎิเสธและต้องการเข้าสู่ประเด็นถัดไปโดยไม่มีการโต้ตอบในประเด็นนี้
.
นางแฮริส:
นายไบเดนจะทำการตรวจสอบบัญชีของรัสเซีย
นายเพนซ์:
โต้ว่า ทางเขาทำกันมากกว่านั้น!
พร้อมกล่าวว่า การหมิ่นประมาทนายทรัมป์ในเรื่องของเพศหญิง และเพศชาย รวมทั้งเรื่องกองกำลังเป็นเรื่อง "ไร้สาระ"
----------------------
นักวิเคราะห์ไม่มั่นใจว่าการดีเบตครั้งนี้จะสร้างความแตกต่าง
- Frank Luntz ที่ปรึกษาของพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ควรให้ความสำคัญกับกลุ่มที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะโหวตให้ใครมากกว่า เนื่องจากการดีเบตของทั้งสองฝ่ายก็ดูจะยังไม่ตรงต่อประเด็นคำถามเท่าไร
- Ian Bremmer ประธานจาก Eurasia Group ไม่คิดว่าการดีเบตครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงมุมมองใดๆได้
ที่มา: CNBC