หุ้นสหรัฐฯปิดปรับลงเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางความไม่แน่นอนของมาตรการช่วยเหลือ Covid-19 – ดาวโจนส์ดิ่ง 160 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลดลงได้เป็นวันที่ 2 หลังทราบถ้อยแถลงของนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯที่ลดความคาดหวังในการบรรลุข้อตกลง Covid-19 ได้ก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. นี้
ดัชนีดาวโจนส์ปิด -165.81 จุด หรือ -0.6% ที่ 28,514 จุด
ดัชนี S&P500 ปิด -0.7% ที่ 3,488.67 จุด
ดัชนี Nasdaq ปิด -0.8% ที่ 11,768.73 จุด
นายมนูชินกล่าวว่าการจะบรรลุข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ก่อนการเลือกตั้งนั้น “เป็นเรื่องยาก” โดยที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถตกลงกันได้ในหลายๆประเด็น แต่ภาพรวมทางพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันก็มีความคืบหน้าและตกลงกันได้บางส่วน
สำหรับช่วงก่อนหน้านี้ทางพรรครีพับลิกันมีการเสนอแพ็คเกจช่วยเหลือด้วยงบประมาณ 1.8 ล้านล้านเหรียญ ขณะที่นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ชี้ว่า “น้อยเกินไป” สำหรับความจำเป็นของชาวอเมริกา
ด้านนายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน เผยว่า วุฒิสภาจะมีการโหวตข้อตกลงดังกล่าวภายในช่วงสิ้นเดือนนี้ ซึ่งอาจมุ่งประเด็นไปยังการช่วยเหลือภาคแรงงานสหรัฐฯ รวมทั้งการเพิ่มเงินช่วยเหลือก้อนใหม่สำหรับโครงการ PPP ในการปล่อยเงินกู้แก่ภาคธุรกิจขนาดเล็ก
หัวหน้าฝ่ายการลงทุนประจำ Nationwide กล่าวว่า กลุ่มนักลงทุนยังตอบรับกับข่าวความคืบหน้าเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แม้ว่ายังไม่มีแนวโน้มจะเกิดข้อตกลงร่วมกัน โดยที่ช่องว่างระหว่างสองพรรคนั้นดูจะแคบลงมาประมาณ 4 แสนล้านเหรียญ ซึ่งเป็นความแตกต่างกันในเรื่องการให้เงินรัฐและทุนสำหรับรัฐบาลท้องถิ่น, การช่วยเหลือด้านสุขภาพ รวมทั้งการจัดการเรื่องภาษีสินเชื่อ
อย่างไรก็ดี นางเพโลซี เปิดเผยว่าการพูดคุยกับนายมนูชินนั้น “มีความคืบหน้า”
ภาพรวมผลประกอบการบริษัทยังไม่สดใส
- Goldman Sachs เผยผลประกอบการดีขึ้นกว่าคาด
-United Health เผยผลประกอบการดีขึ้นกว่าคาด แต่หุ้นบริษัทก็ยังปรับตัวลดลง 2.9%
- Bank of America เผยผลปรำอบการแย่กว่าคาด จึงฉุดให้หุ้นบริษัทปรับตัวลดลง 5.3%
- Wells Fargo เผยผลประกอบการแย่กว่าคาด ฉุดให้หุ้นบริษัท -6%
- United Airlines เผยขาดทุนสุทธิ 1.8 พันล้านเหรียญจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
หัวหน้าฝ่ายการลงทุนจาก Commonwealth Financial Network เผยว่า ภาพรวมผลประกอบการยังไม่สดใส และตลาดคาดหวังว่าจะเห็นตลาดซื้อขายค่อนข้างราบรื่นได้ในช่วงเลือกตั้ง, การมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และการสิ้นสุดของการระบาด รวมทั้งหวังว่าปีหน้าจะเห็นเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติได้เหมือนปี 2019