รายงานของ CNBC เผยมุมมองนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองกว่า จากสถานการณ์การประท้วงครั้งล่าสุดในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะกดดันทางเศรษฐกิจเป็น “เท่าตัว” ท่ามกลางการเติบโตที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ขณะที่หนึ่งในศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงดูไม่มีท่าทีจะยุติการชุมนุมได้จนกว่าจะเห็นประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง “ครั้งใหม่”
นักเศรษฐศาสตร์ฝ่ายการตลาดจาก Mizuho Bank มองว่า ภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยที่เพิ่มมากขึ้นนั้น และมีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินในจังหวัดกรุงเทพมหานคร อาจส่งผลกระทบครั้งใหญ่ภายใต้เศรษฐกิจที่มีแรงกดดันจากไวรัสโคโรนาอยู่แล้ว และทำให้เขาปรับลดจีดีพีไทยปีนี้ จากระดับ -6.3% สู่ระดับ -7.5% อันเนื่องจากสถานการณ์ล่าสุด
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังคงเผชิญกับความอ่อนแอของภาคเอกชนที่ส่งผลต่อภาคการลงทุนและการอุปโภคบริโภค รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง โดยที่ภาคการท่องเที่ยวถือเป็นตัวช่วยเศรษฐกิจไทยหลักในด้านการเติบโต
นักวิเคราะห์บางราย ก็มองว่า หากสถานการณ์ภายในประเทศไทยยังคงมีความวุ่นวาย ก็เชื่อว่าจะกระทบกับภาคการท่องเที่ยวที่เป็นหัวใจหลักของประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวเลือกที่จะไม่เดินทางมา และนี่จะกลายเป็น “ปัญหาที่แท้จริง”