ความหวังกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนทองคำขึ้น กดดันดอลลาร์อ่อนค่า
· ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 1% วานนี้ ทำระดับสูงสุดแถว 1,918 เหรียญ ท่ามกลางดอลลาร์ที่ปรับอ่อนค่าจากความหวังที่สหรัฐฯจะสามารถทำข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ก่อนเลือกตั้งพ.ย. ขณะที่การติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกทะลุ 40 ล้านราย และตลาดยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งของสหรัฐฯ
· ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.4% ที่ระดับ 1,906.36 เหรียญ หลังจากที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.3% ที่ระดับ 1,911.70 เหรียญ
· หลังจากที่ขายทองคำติดต่อกัน 2 วันทำการ เมื่อวานนี้กองทุนทองคำ SPDR กลับเข้าซื้อทองคำเล็กน้อย 0.29 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,272.85 ตัน
· หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Blue Line Futures กล่าวว่า ราคาทองคำปรับแข็งค่าจากดอลลาร์ที่อ่อนค่า หลังจากที่มีการยื่นข้อเสนอจะต้องผ่านข้อตกลงให้ได้ภายใน 48 ชั่วโมง และส่วนใหญ่เชื่อว่าน่าจะเห็นเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นได้ในไตรมาสหน้า จากที่ภาพรวมค่อยๆเห็นถึงการปรับตัวขึ้น
· ราคาซิลเวอร์ปิด +2.2% ที่ 24.70 เหรียญ หลังจากที่เมื่อคืนนี้ไปทำสูงสุดได้ในรอบ 1 สัปดาห์
· นักวิเคราะห์จาก Citi Group ไม่คาดว่าราคาซิลเวอร์จะขึ้นไปถึง 40 เหรียญได้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า แม้ว่าจะมีความต้องการลงทุนมากขึ้น แต่การฟื้นตัวของการอุปโภคบริโภคในภาคอุตสาหกรรมจะค่อยๆฟื้นได้ในปีหน้า
· ราคาแพลทินัมปิด +0.6% ที่ระดับ 865.52 เหรียญ และราคาพลาเดียมปิด +0.3% ที่ 2,337.94 เหรียญ
· ”เพโลซี”-“มนูชิน” คืบหน้าเจรจากระตุ้นเศรษฐกิจ วันนี้เจรจาต่อ!
นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎร และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยถึงความคืบหน้ามากขึ้นในการเจรจาแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจช่วง Covid-19 โดยทั้งคู่ระบุว่าจะยังเจรจาต่อเพื่อลดข้อคิดเห็นที่แตกต่างระหว่างกัน ท่ามกลางเวลาที่เหลือเพียงเล็กน้อยก่อนเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ 3 พ.ย. นี้
นางเพโลซี ทวิตข้อความว่า เจรจามีความคืบหน้าในการแก้ไขสิ่งที่ไม่เห็นด้วยระหว่างกัน
นายมนูชิน ชี้ ถึงแผนจะเจรจาต่อวันนี้
· ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า คาด เฟดจำเป็นต้องเพิ่มการผ่อนคลายทางการเงินท่มกลางเศรษฐกิจที่ดูจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
· ประธานเฟดสาขาฟิลาเดเฟีย ชี้ การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อจะช่วยหนุนเป้าหมายการจ้างงาน และช่วยฟื้นฟูสถานการณ์ของตลาดแรงงานในเวลานี้
· รองประธานเฟดชี้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีในการกลับมาโตได้เท่าก่อนช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา พร้อมระบุว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าเงินเฟ้อจะถึง 2%
· ประชุมเสถียรภาพทางการเงิน: IMF หารือประธานเฟดเรื่องค่าเงินดิจิทัล
ในการประชุมร่วมกับ IMF เกี่ยวกับค่าเงินดิจิทัลหรือ CBDC นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดยังมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการใช้ค่าเงินสกุลดิจิทัลดังกล่าว โดยเฟดจะเล็งเห็นถึงเรื่อง “ความถูกต้อง” เป็นอันดับแรก ดังนั้น เฟดจะใช้ความระมัดระวังเกี่ยวกับการออกสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงการพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจส่งผลต่อหลากหลายปัจจัย อาทิ นโยบายการเงิน, เสถียรภาพทางการเงิน, ความปลอดภัยด้านไซเบอร์ และการป้องกันการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น
· “ทรัมป์” เผย จะทำการตรวจสอบหาเชื้อ Covid-19 ก่อนเข้าดีเบตกับ “ไบเดน” ในวันที่ 22 ต.ค. นี้
ขณะที่ในการดีเบตรอบนี้มีการประกาศยืนยันทางการว่า จะมีการเพิ่มกฎการปิดไมค์ชั่วคราว (Mics Muted) หลังจากที่เกิดการแทรกแซงการแสดงความคิดเห็นในการดีเบตครั้งแรก
· ผลสำรวจ Reuters ระบุว่า ธนาคารกลางรัสเซีย มีแนวโน้มจะคงดอกเบี้ยก่อนทราบผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
· ผู้เชี่ยวชาญชี้การเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียจะขึ้นอยู่กับการเติบโตของเศรษฐกิจจีนเป็นหลัก แม้ว่าจะได้รับแรงหนุนจากภาพรวมภายในประเทศเป็นหลักก็ตาม
· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนายังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดยอดติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 40.62 ล้านราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตโดยรวมแตะ 1.12 ล้านราย
· ด้านสหรัฐฯมียอดติดเชื้อรวมกว่า 8.45 ล้านราย ขณะที่จำนวการเสียชีวิตสะสมสูงถึง 225,198 ราย “โดยที่เขตมิตเวสต์มียอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากสุดเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น”
· รัฐวินคอนซินของสหรัฐฯกลับมาพิจารณาใช้มาตรการคุมเข้มอีกครั้ง ขณะที่ภาพรวมการกลับไปรักษาตัวที่บ้านส่งสัญญาณเชิงลบที่อาจก่อให้เกิด “Third Wave” ได้
ทั้งนี้ รัฐวินคอนซินถือเป็น 1 ใน 5 รัฐใหญ่ของสหรัฐฯที่มีผู้ติดเชื้อมากขึ้นกว่า 20% ท่ามกลางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ออกโรงเตือนถึงความเป็นไปได้ทางสังคมที่จะแพร่ระบาดสู่กันของคนทุกกลุ่มอายุ
· รัฐบาลอิตาลีและเบลเยียมประกาศกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มอีกครั้ง จากยอดติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
· หัวหน้าที่ปรึกษาจากรัฐบาลอังกฤษ เผย วัคซีน Covid-19 ยังไม่มีแนวโน้มที่จะแจกจ่ายได้อย่างเป็นวงกว้างในอังกฤษก่อนฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
· จีดีพีบราซิลหดตัว -4% ปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสเป็นสำคัญ
· นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้สหรัฐฯ-บราซิลต้องลดการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าของจีน
· สหรัฐฯ คาดจะได้รับเม็ดเงิน 1.8 หมื่นล้านเหรียญจากการทำข้อตกลงกับโปแลนด์ในการเข้าซื้อเทคโนโลยีนิวเคลียร์
· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.10-31.30 บาท/ดอลลาร์ โดยตลอดทั้งวันเงินบาทยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศกรณีการชุมนุมยังไม่ได้ส่งผลให้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่า ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ หลังจากที่มีการเข้าไปลงทุนทางฝั่งตลาดหุ้นหรัฐฯ มากขึ้น สำหรับปัจจัยที่นักลงทุนยังให้ความสนใจ คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในต้นเดือนพ.ย.63 , วงเงินกระตุ้น เศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ยังไม่มีความชัดเจน ตลอดจนกรณี Brexit
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า ที่ประชุมทั้ง 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และคณะรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกันแล้ว ซึ่งที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะให้คณะรัฐมนตรีขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อหาทางออกสำหรับบ้านเมืองจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้
- นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาสถานการณ์บ้านเมืองว่า แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับรัฐบาลที่สนับสนุนให้เปิดประชุมดังกล่าว เพื่อนำข้อเท็จจริงมาหารือและพูดคุยกันตามกลไกของสภา และลดความขัดแย้งลงให้มากที่สุด โดยยืนยันไม่ได้ทำตามแรงกดดันของใคร และพรุ่งนี้จะนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมยืนยันว่าจะยังไม่มีการขยายพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงเพิ่มเติมจากกรุงเทพฯ รวมถึงจะไม่มีการประกาศใช้เคอร์ฟิว
- สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งพรุ่งนี้ เพื่อขอให้เพิกถอนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากมองว่าการประกาศดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีเหตุผลเพียงพอ เพราะการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ยังอยู่ในกรอบกฎหมายเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยและไม่มีเหตุการณ์รุนแรง อีกทั้งมีการกำหนดระยะเวลายุติการชุมนุมที่ชัดเจน จึงถือเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญที่สามารถทำได้ในการแสดงออกซึ่งสิทธิและเสรีภาพความคิดเห็น
- ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.63 อยู่ที่ระดับ 85.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 84.0 ในเดือนส.ค.63 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 มีปัจจัยบวกจากอุปสงค์ในประเทศขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวขึ้น รวมทั้งการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในช่วงที่ผ่านมาช่วยให้กำลังซื้อในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น