นักวิเคราะห์ หวั่น เหตุประท้วงในไทยอาจทวีความรุนแรง นำไปสู่การรัฐประหาร
CNBC เผยมุมมองนักวิเคราะห์บางรายที่ระบุว่า สถานการณ์ในประเทศไทยเวลานี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาสู่ภายใต้การดูแลของกองทัพอีกครั้ง หากเกิดความรุนแรงมากขึ้นระหว่างกลุ่มนักเรียน-นักศึกษาที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย (คณะราษฎร) กับกลุ่มคนเสื้อเหลืองหรือคนรักสถาบันที่รวมตัวกัน
ทั้งนี้ กลุ่มคณะราษฎรมีการเรียกร้อง 3 ข้อสำคัญหลัก คือ
1) นายประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ประกาศลาออกจากตำแหน่ง
2) การปฏิรูปรัฐธรรมนูญ
3) การปรับสถาบันมาอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
ภาพรวม ประยุทธ์ก็ยังเพิกเฉยและไม่ได้สนใจกำหนดเส้นตายในการลาออกตามที่กลุ่มคณะราษฎรเรียกร้อง
นายพอล ชอมเบอร์ นักบรรยายและที่ปรึกษาประจำมหาวิทยาลัยนเรศวร เตือนถึงภาวะตึงเครียดที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้น อันจะเป็นชนวนให้เกิดให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น หรือบางทีอาจมีเหตุกระทบกระทั่งกันได้
และถึงแม้กลุ่มผู้ชุมนุมจะพยายามเดินหน้าประท้วงอย่างสันติวิธีต่อไป แต่ก็คาดว่ากลุ่มคนไม่เห็นด้วยอาจก่อให้เกิดความรุนแรงที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งเหตุรุนแรงเหล่านี้อาจทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่จะมีการทำ “รัฐประหาร”
หากเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและกลุ่มคนปกป้องสถาบันจนลุกลามมากขึ้น ก็จะเป็นผลให้ทางกองทัพไทยนำมาเป็นเหตุผลอันสมควรในการเข้าแทรกแซงเพื่อระงับเหตุ ที่อาจนำไปสู่การเริ่มวงจรใหม่ในการบริหารงานของคณะรัฐบาลทหาร ที่อาจไม่ได้นำมาซึ่งสันติภาพให้แก่ประเทศไทยมากนัก
สำหรับทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยปีนี้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ในเวลานี้ดูจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วเป็นส่วนใหญ่
ขณะที่กองทุน IMF คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจหดตัวลงมากถึง -7.1%
ที่มา: CNBC