· ดอลลาร์อ่อนค่าอีกครั้งในตลาดเอเชีย ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจแข็งแกร่งชดเชยความกังวล Covid-19
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงประมาณ 0.1% ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในภูมิภาคที่ช่วยหนุนและชดเชยความกังวลเกี่ยวกับ Second Wave ของยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในยุโรปและสหรัฐฯ
ข้อมูลผลประกอบการบริษัทภาคอุตสาหกรรมจีนปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนก.ย. ขณะที่จีดีพีเกาหลีใต้กลับมาเป็นบวก และทั้งหมดนี้ได้ช่วยสนับสนุนให้ค่าเงินหยวนและเงินวอนปรับแข็งค่าขึ้นทำสูงสุดรอบ 7 เดือน
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯดูจะจำกัดการเคลื่อนไหวของค่าเงินบางส่วน ตั้งแต่ที่ทราบแนวโน้มของผลโหวตเสียงสนับสนุน และจะเห็นได้ว่าค่อนข้างเป็นระยะเวลานานที่ “นายโจ ไบเดน” คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตมีคะแนนนิยมนำมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เราเห็นค่าเงินเยนเองก็มีสถานะ Long ค่อนข้างยาวนานต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนบางส่วนทำกลยุทธ์แบบ Short against ในค่าเงินเยน จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลเลือกตั้ง
นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก Standard Chartered Bank กล่าวว่า หลายๆคนกำลังวิตกกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์เสี่ยงใหม่ ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของราคาในสัปดาห์หน้าที่อาจมีการเคลื่อนไหวที่คึกคักมากขึ้น ขณะที่ระยะกลางมองว่าดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าได้จากผลการเลือกตั้ง เนื่องจากการมาของนายไบเดน ค่อนข้างจะมีแนวโน้มให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว
ถ้าหากพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากได้ นายไบเดนก็มีแนวโน้มจะเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่, ทำการยกระดับความเชื่อมั่น รวมทั้งอาจเห็นยอดขาดดุลบัญชีสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น และดอลลาร์ที่อาจอ่อนค่าเพิ่ม
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในวันนี้
- ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ
- ดัชนีภาคการผลิตของเฟดสาขาฟิลเดเฟีย
- สถานการณ์การการระบาดของ Covid-19 ในยุโรปและสหรัฐฯ
· Morgan Stanley ระบุถึงช่วงเวลาสำหรับการลงทุนค่าเงินในตลาดเกิดใหม่
Morgan Stranley กล่าวว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนควรเพิ่มสถานะช่วงสิ้นปีในสินทรัพย์ประเภทค่าเงินและความน่าเชื่อถือของประเทศในตลาดเกิดใหม่ เนื่องจากน่าจะได้รับแรงหนุนจาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯด้วย แม้ว่าในสัปดาห์ก่อนเลือกตั้งสินทรัพย์ของตลาดเกิดใหม่จะไม่ค่อยหวือหวา แต่คาดว่าจะปรับขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งหาก “ไบเดน” ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง
กลุ่มนักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley มองว่า ตลาดเกิดใหม่ค่อนข้างตอบรับกับโอกาสที่เดโมแครตจะกลับมาครองทำเนียบขาว รวมทั้งการได้เสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯด้วย
· อิตาลีเกิดเหตุประท้วงหนักต้านมาตรการคุมเข้ม Covid-19
การชุมนุมประท้วงในอิตาลีทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลมีการประกาศใช้มาตรการจำกัด Second Wave และมีเหตุปะทะกันในหลายๆเมืองของอิตาลี อาทิ ในเมืองตูริน ที่มีการขว้างปาระเบิดขวดใสส่เจ้าหน้าที่
ขณะที่ในมิลานมีการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะที่มีรายงานความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในเมืองเนเปิลส์
เหตุประท้วงเริ่มต้นขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่รัฐบาลอิตาลีมีการประกาศปิดร้านอาหาร, บาร์, โรงยิม และโรงภาพยนตร์ ที่จะมีผลตั้งแต่เวลา 18.00น. ของประเทศอิตาลี
ขณะที่หลายๆแคว้นในอิตาลีก็มีการประกาศใช้เคอร์ฟิวส์ ประกอบไปด้วย แคว้นลอมบาดี (ที่รวมถึงมิลาน), แคว้นปีเยมอนเต้ (ที่รวมด้วยเมืองตูริน)
· กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯอนุมัติการขายอุปกรณ์ทางการทหารเพิ่มวงเงินเป็น 2.37 พันล้านเหรียญให้แก่ไต้หวัน
สหรัฐฯจะมีการขายระบบป้องกันชายฝั่ง 100 Boeing-made Harpoon Coastal Defense Systems แก่ไต้หวันตามข้อตกลงด้วยมูลค่า 2.37 พันล้านเหรียญ หลังจากที่มีการอนุมัติกความเป็นไปได้ในการขายระบบอาวุธ 3 ส่วน ได้แก่ เซนเซอร์, มิสไซน์ และปืนใหญ่ ที่อาจทำให้มียอดรวมมูลค่า 1.8 พันล้านเหรียญ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการคว่ำบาตรภัยคุกคามจากจีน
· การเติบโตในภาคอุตสาหกรรมจีนชะลอตัวลงท่ามกลางแรงกดดันเงินฝืด
ผลประกอบการบริษัทภาคอุตสาหกรรมของจีนปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนก.ย. ที่ระดับ 10.1% เมื่อเทียบรายปีแตะ 6.4643 แสนล้านหยวน (9.634 หมื่นล้านเหรียญ) แต่ชะลอตัวลงจากเดือนส.ค. ที่อยู่ที่ 19.1% โดยเป็นผลมาจากการชะลอตัวในภาคโรงงานกำลังได้รับผลกระทบจากเงินฝืดและราคาของสินค้าในกลุ่มวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นภายใต้การปรับลดค่าใช้จ่ายเพื่อนหนุนการฟื้นตัวของภาคการผลิต
เศรษฐกิจจีนมีการรีบาวน์ โดยได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของภาคการส่งออก, อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และการสนับสนุนทางการเงินของรัฐบาล แต่การชะลอตัวของจีดีพีในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ออกมาแย่กว่าคาดจึงตอกย้ำถึงความอ่อนตัวจากอุปสงค์ภายนอก
สำหรับภาพรวมผลประกอบการบริษัทภาคอุตสาหกรรมในจีนตั้งแต่ม.ค. - ก.ย. ปรับตัวลดลง 2.4% เมื่อเทียบรายปี แตะ 4.37 ล้านล้านหยวน อ่อนตัวลงจากช่วง 8 เดือนแรกที่อยู่ที่ระดับ 4.4%
· น้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น แต่มีแนวโน้มที่จะถูกกดดันจากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาและอุปทานที่เพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังจากร่วงลงในช่วงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังคงถูกกดดันจากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกที่ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน ท่ามกลางภาวะอุปทานที่เพิ่มสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือคิดเป็น 1% ที่ระดับ 40.88 เหรียญ/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือคิดเป็น 1% เช่นเดียวกัน ที่ระดับ 38.93 เหรียญ/บาร์เรล
ขณะที่การขาดความคืบหน้าในข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาของสหรัฐฯกลับเข้ามาในตลาด แม้ว่านางเพโลซี กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจช่วง Covid-19 ให้ได้ก่อนเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย.ก็ตาม
รวมทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาไปทั่วสหรัฐฯ รัสเซีย ฝรั่งเศสและอีกหลายประเทศได้ทำลายแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยมีผู้ป่วยรายใหม่จำนวนมากเป็นประวัติการณ์ส่งผลให้บางประเทศต้องกำหนดข้อจำกัด ใหม่เมื่อฤดูหนาวเริ่มขึ้น