ผลสำรวจจาก Reuters Poll ระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ไม่สดใสในเวลานี้ อันเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้น สร้างความเสี่ยงในระดับสูงที่จะกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะในสถานพยาบาลของสหรัฐฯที่พบยอดติดเชื้อมากที่สุดในรอบ 2 เดือน นำมาซึ่งการกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดอีกครั้ง ทางด้านหลายๆประเทศในยุโรปมีการใช้มาตรการกลับมาจำกัดการระบาดของไวรัสโคโรนาอีกครั้ง
ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. หากออกมาแน่นอน ก็ฯจะช่วยปลดล็อกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ได้
นักกลยุทธ์อาวุโสจาก Raboanbak กล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังอยู่ในภาวะชะลอตัว จากภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการ Lockdown แต่หากมีการขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็มีแนวโน้มที่จะช่วยให้เกิดการขยายตัวปานกลางได้
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Bank of America Securities ระบุว่า ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งจะเป็นตัวบ่งชี้ได้ถึง “การเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ” และความชัดเจนของชัยชนะก็จะทำให้เกิดการเจรจาได้อย่างรวดเร็ว แต่หากเกิดการค้านผลเลือกตั้ง ปัญหาทางการเมืองก็จะเป็น “ความท้าทาย” ต่อการเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ
หนึ่งในความกังวลทางเศรษฐกิจ คือ การระบาดของไวรัสโคโรนาที่จะส่งผลให้เกิดการว่างงานในระดับสูงขึ้น โดยกว่า 80% ของผู้ตอบแบบสอบถาม มองว่า อัตราว่างงานสหรัฐฯอาจจะไม่กลับสู่สภาวะก่อนช่วงเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนาได้จนกว่าจะถึงปี 2023
ผลสำรวจส่วนใหญ่คาดว่า อัตราว่างงานสหรัฐฯจะมีค่าเฉลี่ย
ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 8.3%
ปี 2021 น่าจะอยู่ที่ 6.8%
ปี 2022 น่าจะอยู่ที่ 5.5%
หลังจากที่ช่วงต้นปี 2021 ทรงตัวบริเวณ 3.5%
จีดีพีไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐฯที่ออกมา -31.4% ถือเป็นการขยายตัวได้ในระดับต่ำมากที่สุดในรอบกว่า 73 ปี และคาดว่าไตรมาสที่ 3 นี้น่าจะโตได้ 4%
อย่างไรก็ดี คาดการณ์เชิงบวกนั้นอาจจะเปลี่ยนมาชะลอตัวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และอาจออกมาแย่มากกว่าที่คาดจากเดือนก่อนได้อันเป็นผลจากการระบาดอย่างหนัก
ที่มา: Reuters
