• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 28 ตุลาคม 2563

    28 ตุลาคม 2563 | Economic News
 

·         ยูโรอ่อนค่าจากกังวล Lockdown สู้ไวรัส กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน

ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ หลังจากที่มีรายงานว่ารัฐบาลฝรั่งเศสมีแนวโน้มจะกลับมาใช้ Lockdown เพื่อจำกัดการระบาดของไวรัสโคโรนาที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากที่ปรับแข็งค่าในช่วงต้นตลาด ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า

นักวิเคราะห์บางรายไม่คาดว่าจะเห็นดอลลาร์แข็งค่าขึ้นไปมากกว่านี้เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่  เนื่องด้วยตลาดน่าจะรอดูการตอบรับหลังจบเลือกตั้งอีกครั้

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.14% ที่ 1.1780 ดอลลาร์/ยูโร ปรับอ่อนค่าลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3

ค่าเงินปอนด์ทรงตัวบริเวณ 1.3043 ดอลลาร์/ปอนด์ ท่ามกลางตลาดที่ยังหวังจะเห็นข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษกับอียู

ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นมาแถว 104.23 เยน/ดอลลาร์ ถือเป็นระดับแข็งค่ามากสุดรอบ 1 เดือน

เหล่าเทรดเดอร์จับตาความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดค่าเงินอยู่ จากการระบาดของไวรัสโคโรนาในยุโรปและอังกฤษ รวมไปถึงสหรัฐฯ ที่ดูจะสร้างความวิตกกังวลในเรื่องการเติบทางเศรษฐกิจอีกครั้ง

ความเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์ อ่อนค่าลงหลังจากที่นายทรัมป์ถึงจะแสดงความต้องการให้เกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงินที่สูงขึ้น แต่ก็ไม่มีแนวโน้มจะทำให้เกิดข้อตกลงได้ก่อนการเลือกตั้ง

ค่าเงินหยวนอ่อนค่าไปแตะ 6.7097 หยวน/ดอลลาร์ โดยเป็นการอ่อนค่าจากที่ทำระดับแข็งค่ามากสุดรอบ 27 เดือนที่ทำไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากธนาคารกลางจีนมีการจำกัดค่าเงินหยวนให้เป็นไปอย่างเหมาะสม

 

·         จับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

บรรดดาเทรดเดอร์มีมุมมองว่า ความสนใจครั้งสำคัญอยู่ “สหรัฐฯ” เนื่องด้วยมีการระบาดของไวรัสโคโรนาในช่วงก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 3 พ.ย. นี้

ขณะที่ Polls ส่วนใหญ่ สะท้อนว่า นายโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตยังคงมีคะแนนนิยมนำ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานิบดีสหรัฐฯ แต่นักลงทุนบางส่วนก็เป็นกังวลว่า Polls จากหลายๆสำนักอาจจะไม่สามารถคาดเดาชัยชนะของนายทรัมป์ได้เหมือนการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

 

·         ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่มสูงขึ้นในรัฐสำคัญ “Swing States” และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นต่อ

การลงชิงตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรเดโมแครตที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 สัปดาห์ก่อนเข้าสู่วันเลือกตั้ง ก็ดูเหมือนรัฐสำคัญทั้ง 12 แห่งจะเผชิญกับการระบาดของไวรัสโครนาอย่างหนัก

ขณะที่มีรายงานว่าการลงคะแนนผ่านบัตรเลือกตั้งของชาวสหรัฐฯจัดส่งมาแล้วกว่า 69 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าครึ่งหนึ่งที่เคยมีการลงคะแนนผ่านบัตรในปี 2016 ที่อาจเป็นเพียง 1 ใน 3 ของปีนี้


แต่การเพิ่มขึ้นของยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาก็ดูจะสงผลต่อการเลือกตั้ง และอาจส่งผลต่อคะแนนรายบุคคลในบางรัฐสำคัญดังกล่าวด้วย

 

·         อียู เตือน วัคซีน Covid-19 อาจไม่เพียงพอสำหรับทุกคนในยุโรปจนกว่าจะถึงปี 2022

เจ้าหน้าที่อียูมีการประกาศว่าประชาชนทุกคนในยุโรปอาจไม่สามารถได้รับวัคซีนทั่วถึงทุกคนได้ก่อนปี 2022 แม้ว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพและพร้อมใช้งาน เนื่องด้วยประชาชนในแถบยุโรปมีรวมกันกว่า 450 ล้านคน แต่วัคซีนชุดแรกที่ผลิตได้จะมีประมาณ 1 ล้านโดส จาก 3 บริษัทผู้ผลิตยา และทางอียูกำลังมีการเจรจาเพื่อจองนับพันล้านโดสจากบริษัทอื่นๆเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ทั่วทุกมุมโลกต่างก็เผชิญกับไวรัสเจ้าปัญหาตัวนี้ ดังนั้น จึงขอเตือนว่าทุกคนๆอาจไม่ได้รับวัคซีนอย่างพร้อมเพรียงกันทุกคน

 

·         ธนาคารกลางออสเตรเลียถูกเผยผลประชุมออกมาถูกคาดว่าจะมีการคงดอกเบี้ยระดับต่ำและมีการขยายการเข้าซื้อตราสารหนี้เพิ่มในการประชุม 3 พ.ย.นี้

 

 

·         ผู้เชี่ยวชาญชี้ “จีน” เป็นคู่แข่งทางการค้าสหรัฐฯ ไม่ใช่ “ศัตรู”

ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย Georgetown กล่าวว่า นายโจ ไบเดน ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธฺบดีสหรัฐฯจากทางพรรคเดโมแครต ดูจะมีการวางจีนให้เป็น “คู่แข่งทางการค้า” มากกว่าจะเป็นศัตรู

ขณะที่นายทรัมป์ ดูจะพยายามหาหลายๆวิธีทางมากำจัดจีน และยังมองว่าจีนนั้นเป็น “ศัตรู”

โดยส่วนตัวเขาคิดว่า “นายไบเดนคิดถูก” ในแง่ของการเป็นคู่แข่งคนสำคัญทางการค้าของประเทศมากกว่าเล็งเห็นถึงความสัมพันธ์ในเชิงการเป็นศัตรูระหว่างกัน แลจะเป็นการดีกว่าหากเรามีการเกี่ยวข้องกันในการค้าตามจำเป็น เพื่อพยายามให้เกิดความสัมพันธ์และร่วมมือกันให้เกิดผลประโยชน์เท่าที่จะเป็นได้

 

·         ฮ่องกงผ่อนปรนมาตรการเว้นระยะห่าง แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัย

รัฐบาลฮ่องกงประกาศผ่อนปรนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 30 ต.ค.นี้เป็นต้นไป

ชายหาดสาธารณะจะเปิดอย่างเป็นทางการอีกครั้งตั้งแต่วันอังคารที่ 3 พ.ย.โดยมีกฎระเบียบเกี่ยวกับ social distancing อย่างต่อเนื่องรวมถึงการสวมหน้ากากอนามัยและข้อจำกัดในการรวมกลุ่ม

 

·         Credit Suisse แนะลงทุนในเอเชียจากความแข็งแกร่งในช่วง Second Wave

นักกลยุทธ์จาก Credit Suisse กล่าวว่า ขณะที่หลายๆประเทศทั่วโลกเผชิญกับภาวะ Second Wave จากไวรัสโคโรนา แต่ก็ดูเหมือนผลกระทบต่อ “เอเชีย” จะเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องด้วยภาพรวมของภูมิภาคนี้ยังแข็งแกร่ง

นักกลยุทธ์ตลาดหุ้นประจำภูมภาคเอเชียแปซิฟิก ระบุว่า ค่อนข้างชัดเจนที่เห็นว่าเอเชียนั้นเป็นไปอย่างแข็งแกร่งแม้ว่าจะเกิดภาวะ Second Wave ในตลาดกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วหรือทางชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯที่มียอดติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คู่กับหลายๆประเทศในยุโรปที่ยังเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เขาแนะนำความน่าสนใจไปยัง เกาหลีใต้” เนื่องด้วยมีวิธีการรับมือที่ค่อนข้างดี และไม่คิดว่าจะมีปัญหาภายในประเทศมากนัก รวมถึงเรื่องการระบาดภายในประเทศด้วย ขณะที่แนวโน้มการส่งออกของประเทศก็มีการฟื้นตัว

นอกจากนี้ ยังแนะนำประเทศอื่นๆในแถบเอเชีย อาทิ “ออสเตรเลีย” และ “สิงคโปร์” ที่ดูจะมีการระบาดภายในประเทศที่ค่อนข้างต่ำ

อย่างไรก็ดี เราก็ยังพิจารณาไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงสูงกว่า และได้รับผลกระทบมากขึ้น อาทิเช่น “ฮ่องกง” หรือ “ไทย” ที่ดูจะได้รับผลกระทบมากขึ้นจากวิกฤตไวรัสโคโรนา เว้นแต่จะมีข่าวดีเรื่องวัคซีน Covid-19 ในเฟสที่ 3

 

แนวโน้มทั่วโลก

หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดจาก J.P. Morgan Asset Management เตือนถึงการเผชิญความเสี่ยงอยู่สำหรับเรื่องหนี้สินของภาคบริษัท หากสหรัฐฯยังไม่มีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เนื่องด้วยยังมีความไม่แน่นอนอย่างมากจากทางทำเนียบขาว และความไม่ชัดเจนว่ารีพับลิกันจะสามารถผลักดันข้อตกลงร่วมกับทางเดโมแครตให้ได้ก่อนเลือกตั้งนี้ ซึ่งหากภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ก็ดูเหมือนตลาดสินทรัพย์ต่างๆในตลาดเกิดใหม่ จะได้รับอานิสงส์ที่มากกว่า เนื่องด้วยระดับหนี้สินของสหรัฐฯและยุโรปยังอยู่ในระดับสูง

หากทิศทางเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปในปี 2021, 2022 และหลังจากนั้น ก็จะส่งผลให้ ตลาดเกิดใหม่มีทิศทางเติบโตที่ดีกว่า ซึ่งหากดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าอีกก็จะยิ่งเป็นข่าวดีที่จะเห็นสินทรัพย์ทั้งหมดในตลาดเกิดใหม่ ไม่เว้นแม้แต่สินทรัพย์คงทนหรือตลาดหุ้น

 

·         วันคนโสดของอาลีบาบา บ่งชี้ว่าแนวโน้มของกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนจะมีการใช้จ่ายเงินเพิ่ม และมีการลดการเข้าซื้อสินค้าจากสหรัฐฯแทน

 

·         อินเดียจะได้รับการเข้าถึงข้อมูลดาวเทียมของสหรัฐฯ ที่จะเสริมศักยภาพทางการทหารและขีปนาวุธได้แม่นยำมากขึ้น

 

·         น้ำมันดิบปรับลง 2% ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ – กังวลอุปทานล้นตลาด

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงไปประมาณ 2โดยอ่อนตัวลงอีกครั้งในวันนี้ หลังจากที่ปิดแดนบวกได้เมื่อคืน โดยเป็นผลมาจาก
- สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
- จำนวนยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ และยุโรปที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก
- กังวลอุปทานน้ำมันล้นตลาด
- ความอ่อนแอของอุปสงค์พลังงาน

น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลง 76 เซนต์ หรือ -1.8ที่ 40.44 เหรียญ/บาร์เรล 

น้ำมันดิบ WTI ปรับลง 90 เซนต์ หรือ -2.3% ที่ 38.67 เหรียญ/บาร์เรล

ข้อมูลจาก API สะท้อนว่า สต็อกน้ำมันดิบและแก๊สโซลีนปรับตัวขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นเกินคาด โดยปรับขึ้นได้ 4.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 495.2 ล้านบาร์เรล

กรรมการผู้จัดการของ Nissan Securities กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นเกินคาดของข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ก่อให้เกิดแรงเทขายเข้ามาในตลาดครั้งใหม่ ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด แม้จะมีการปิดทำการบางส่วนจากกังวลพายุเฮอริเคน Zeta เก็ตาม ซึ่งถือเป็นพายุเฮอริเคนลูกที่ 11 ที่พัดเข้าสู่ชายฝั่งเม็กซิโก 

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com