• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 29 ตุลาคม 2563

    29 ตุลาคม 2563 | Gold News

ทองร่วง - ดอลลาร์แข็ง สหรัฐฯตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้ก่อนเลือกตั้ง

· ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวลงแรงกว่า 2% ด้านซิวเวอร์ร่วงลงเกือบ 6% โดยปรับลงไม่น้อยกว่า 23 เหรียญ ทำต่ำสุดตั้งแต่ 7 ต.ค. ท่ามกลางนักลงทุนที่กลับเข้าถือดอลลาร์จากการปราศจากสัญญาณเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโคโรนา


· ราคาทองคำตลาดโลกทำระดับต่ำสุดตั้งแต่ 28 ก.ย. บริเวณ 1,869.21 เหรียญ ก่อนจะรีบาวน์กลับมาแถว 1,881 เหรียญได้ในช่วงปลายตลาด


· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดร่วงลงกว่า 32 เหรียญ ที่ระดับ 1,879.20 เหรียญ

· กองทุนทองคำ SPDR เทขายหนักอีกครั้งที่ 8.47 ตัน โดยปัจจุบันถือครองที่ 1,258.25 ตัน ถือครองต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน ตั้งแต่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา


· นักกลยุทธ์การตลาดจาก RJO Futures กล่าวว่า ราคาทองคำดูจะตอบรับกับภาวะขาลงหลังจากที่ไม่มีแนวโน้มจะเกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเวลานี้ ประกอบกับดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ อันเนื่องจากประเทศเศรษฐกิจหลักยุโรปตัดสินใจ Lockdown อีกครั้ง จึงกดดันให้ยูโรอ่อนค่าหนัก คู่กับการดิ่งลงของตลาดหุ้น ขณะที่สภาวะตลาดในเวลานี้เป็นแบบ Risk-off ก่อนเลือกตั้ง


· บรรดานักวิเคราะห์บางส่วน ระบุว่า แม้ทองคำจะมีการปรับตัวลดลงในเวลานี้ แต่ก็เป็นการปรับตัวลงจากกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการเงินสด เพื่อนำไปปิด Margin Calls จากตลาดอื่นๆที่ปรับตัวลดลง เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเดือนมี.ค.


· ผู้อำนวยการฝ่ายการซื้อขายทองคำจาก High Ridge Futures กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกในเวลานี้ก็ถือเป็นปัจจัยที่ค่อนข้างสำคัญที่ทำให้ตลาดค่อนข้างผันผวนและกดดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน


· ราคาพลาเดียมปิด -0.6% ที่ 873.33 เหรียญ ขณะที่ราคาพลาเดียมปิด -3.8% ที่ 2,242.56 เหรียญ


· ยอดขาดดุลการค้าสหรัฐฯหดตัวลงในเดือนก.ย.

ยอดขาดดุลการค้าสหรัฐฯลดลงในเดือนก.ย. ที่ระดับ 4.5% มูลค่า 7.94 หมื่นล้านเหรียญ จากยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น แตะ 3.2 พันล้านเหรียญ และนำเข้าลดลงมาที่ 5 ล้านล้านเหรียญ


· ผลประกอบการบริษัท Gilead พุ่งเกินคาดกว่า 17% หลังขายวิธีรักษาด้วยยา Remdesivir ให้แก่ทีมบริหารของนายทรัมป์มูลค่า 873 ล้านเหรียญใน Q3/2020! โดยเป็นการขายภายใต้แบรนด์ Veklury ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่องค์กรอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) มีการอนุมัติวิธีการรักษาอย่างสมบูรณ์ด้วยยา Remdesivir ให้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อจาก Covid-19

ขณะที่ยอดขายบริษัทโดยรวมเพิ่มขึ้น 6.5 พันล้านเหรียญในช่วงไตรมาสที่ 3 ปรับขึ้นจากระดับเดิมในปีก่อนที่ 5.5 พันล้านเหรียญ ส่งผลให้ราคาต่อหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นมาที่ 2.11 เหรียญ/หุ้น จากเดิมที่คาดว่าจะออกมาที่ 1.9 เหรียญ/หุ้น


· ความหวังวัคซีนน้อยลง!

ความหวังที่จะเห็นกระบวนการรักษาแบบใหม่เพื่อยับยั้งและควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาลดน้อยลงไป

เมื่อหัวหน้าฝ่ายจัดหาวัคซีนอังกฤษ ระบุว่า วัคซีนที่มีประสิทธิภาพเต็มรูปแบบอาจยังไม่เกิดการพัฒนาขึ้นมา ขณะที่วัคซีนหลายๆตัวก่อนหน้าก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ

คณะกรรมาธิการอียู เรียกร้องให้บรรดารัฐบาลยุโรปเพิ่มการรับมือและการร่วมมือใช้กลยุทธ์การทดสอบหาเชื้อ

ทั้งนี้ ประธานคณะกรรมาธิการอียู ระบุว่า สถานการณ์ในเวลานี้มีความรุนแรงอย่างมาก แต่เราสามารถที่จะช่วยให้การระบาดของไวรัสชะลอตัวลงได้หากทุกๆคนร่วมมือและรับผิดชอบร่วมกัน

ภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ท่ามกลางสัญญาณที่เปราะบางทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จึงเพิ่มโอกาสที่จะเห็นการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นเท่าตัว ด้านตลาดหุ้นยุโรปทำต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ขณะเดียวกันยูโรค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์

ภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ท่ามกลางสัญญาณที่เปราะบางทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จึงเพิ่มโอกาสที่จะเห็นการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นเท่าตัว ด้านตลาดหุ้นยุโรปทำต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ขณะเดียวกันยูโรค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์

ด้านผู้นำหลายๆประเทศเผชิญภาวะตึงเครียดเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะได้รับจากการ Lockdown และมาตรการคุมเข้มรอบใหม่จากภาวะการระบาดของไวรัสโคโรนาตั้งแต่สเปน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี ตลอดจนรัสเซีย, โปแลนด์ และบัลแกเรีย


· เทรดเดอร์กังวลความสมบูรณ์ของวัคซีน ที่ถือเป็น “ความเสี่ยงใหม่ต่อตลาด”

ดร.แอนโธนี ฟาวซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและภูมิแพ้ของสหรัฐฯ ยังไม่ทราบว่าวัคซีนที่ทำการทดสอบในเวลานี้จะมีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ เนื่องด้วยเราทราบความคืบหน้าเพียง 50% - 60% เท่านั้น และเขาต้องการทราบข้อมูลที่สูงกว่า 75% ขึ้นไป แต่ข้อมูลเหล่านั้นก็อาจไม่ใช่ข้อเท็จจริงเสมอไป

กรรมการผู้จัดการและนักวิเคราะห์ด้านไบโอเทคของ Jefferies หวังว่าจะเห็นผลการศึกษาว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพสูงกว่า 50% เนื่องด้วยตลาดต่างๆเริ่มจะกังวลเรื่องวัคซีนเมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนพ.ย. และธ.ค.นี้ เนื่องจากเราไม่มีข่าวดีใดๆเพิ่มเติม ดังนั้น จึงมีโอกาสที่จะเห็นตลาดหุ้นปรับตัวลดลงต่อและไม่สามารถฟื้นตัวกลับได้ และหากเราได้ยินประสิทธิภาพของวัคซีนในช่วงนี้มีเพียงแค่ 40% ก็อาจสร้างความผิดหวังครั้งใหญ่ให้แก่ตลาด และนี่ถือเป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่มาก


· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกสะสมที่ 44.74 ล้านราย และมียอดเสียชีวิตโดยรวม 1.17 ล้านราย ขณะที่ยอดติดเชื้อสหรัฐฯรวมพุ่งสูงกว่า 9.11 ล้านราย


· “เยอรมนี-ฝรั่งเศส” ประกาศ Lockdown รอบสอง - Covid-19 ระบาดหนักทั่วยุโรป

ประธานคณะกรรมาธิการอียู แสดงความกังวลว่า ยุโรปกำลังเผชิญกับ Second Wave อย่างหนักในเวลานี้

ประเทศเยอรมนีและฝรั่งเศส ประกาศ Lockdown รอบใหม่เพื่อสกัดการระบาดในสถานการณ์ที่ย้ำแย่อยู่ในเวลานี้ โดยเยอรมนีมียอดติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 14,964 ราย หรือปรับขึ้นกว่า 61% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้วที่มียอดติดเชื้อใหม่รายวันเฉลี่ยที่ 11,000 ราย

ฝรั่งเศสก็ประกาศกลับมาใช้ Lockdown และจะอนุญาตให้ประชาชนออกจากที่พักอาศัยเฉพาะการซื้อของจำเป็นเท่านั้น และการ Lockdown รอบสองนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันศุกร์นี้ จนถึง 1 ธ.ค. หลังจากที่ยอดติดเชื้อเฉลี่ยรายวันในสัปดาห์ที่แล้วสูงกว่า 38,600 ราย หรือปรับสูงขึ้นกว่า 54% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน

ในอิตาลีล่าสุดพบยอดติดเชื้อใหม่รายวันทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 24,991 ราย หรือเพิ่มขึ้นกว่า 88% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้วที่เฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 18,600 ราย


· อีซีบี มีแนวโน้มจะคงนโยบาย แต่มีการส่งสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่อนคลายในเดือนธ.ค. ท่ามกลางความกังวล Lockdown

คณะกรรมาธิการของอีซีบีจะมีการหารือกันในวันพฤหัสบดีนี้ ที่ถูกกำหนดกเป็นการประชุมนโยบายทางการเงิน ที่คาดว่าอาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่การกลับมาใช้มาตรการ Lockdown ของหลายๆประเทศในยุโรปจากจำนวนการระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบเชิงลบทางเศรษฐกิจเพิ่ม รวมทั้งกดดันทิศทางเงินเฟ้อ

ดังนั้น ในเวลานี้อีซีบีน่าจะยังไม่เพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ แต่น่าจะส่งสัญญาณถึงการดำเนินการต่างๆเพิ่มในการประชุมเดือนธ.ค. ที่อาจเห็นความชัดเจนต่อการเพิ่มการเข้าซื้อพันธบัตรในโครงการ PEPP


· ผลสำรวจ Reuters ชี้ การรีบาวน์ของเศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้น อาจส่งผลให้ยุติการฟื้นตัวได้ชั่วคราวในช่วงสิ้นปีนี้ ขณะที่ปีหน้ายังไม่แน่นอนว่าจะสามารถฟื้นตัวได้หรืออ่อนแอลงกว่าที่คาด


· EIU เตือน หลัง Covid จบลง จะเห็นประเทศเศรษฐกิจต่างๆจะเข้าสู่ภาวะ Zombification

หน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจของ Economist Intelligence Unit (EIU) ระบุว่า แนวโน้มการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เป็นเวลานานจะส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกก้าวสู่ภาวะ Zombification อาทิ เศรษฐกิจของญี่ปุ่น ที่จะเผชิญการชะลอตัวทางด้านการเติบโต, เงินเฟ้อระดับต่ำ และภาวะหนี้สินในนระดับสูง และอาจจะกลายเป็นรูปแบบเดียวกันของเศรษฐกิจทั่วทุกมุมโลกหลังจากจบวิกฤต Covid-19


· ธนาคารกลางรัสเซีย ยังคงมีท่าทีระมัดระวังต่อการตัดสินใจเรื่องนโยบายดอกเบี้ย ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับต่ำ

การประชุมของธนาคารกลางรัสเซียในช่วงเดือนก.ย. และต.ค. ยังมีการเลือกตรึงนโยบายดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25% หลังจากที่ปีที่แล้วหั่นดอกเบี้ยลงไปมากถึง 3.5% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซียยังมีท่าทีระมัดระวังในเรื่องดอกเบี้ยอยู่ โดยระบุว่า การระบาดของ Covid-19 ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจรัสเซียชะลอตัวลง และส่งผลให้เกิดการปรับลดการเติบโตเศรษฐกิจปีนี้ลงไปกว่า 0.5% รวมทั้งคาดจะเห็นจีดีพีปีนี้หดตัวลงมากถึง -4% และ -5% ได้ แต่คาดว่าไม่น่าจะเลวร้ายดังที่ World Bank คาดการณ์ไว้ว่าจีดีพีรัสเซียจะติดลบที่ -6% ในปีนี้


· Adobe คาด ยอดขายสินค้าออนไลน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นช่วงวันหยุดที่อาจมากสุดในรอบ 2 ปี

บริษัท Adobe เผย เทศกาลช่วงวันหยุดปีนี้มีแนวโน้มจะเห็นค่าใช้จ่ายในกลุ่มดิจิทัลเพิ่มขึ้น 3 พันล้านเหรียญภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วง Thanksgiving ตลอดจน Cyber Monday ภายในช่วงเวลา 3 วัน

บริษัทจึงคาดว่าจะเห็นยอดขายเพิ่มทะลุ 2 พันล้านเหรียญ ในทุกๆวัน ตั้งแต่ 1 พ.ย. ถึง 21 พ.ย. และในช่วงตลอดสิ้นปีถึง 31 ธ.ค. “มีแนวโน้มที่ชาวสหรัฐฯจะใช้จ่ายเพิ่ม 2.81 หมื่นล้านเหรียญ” ในกลุ่มสินค้าสมาร์ทโฟนเมื่อเทียบกับปี 2019

ดังนั้น ภาพรวมจะมีบัญชียอดขายออนไลน์ทั้งหมดเพิ่มขึ้น 42% ในช่วงเทศกาล และอาจเพิ่มมากถึง 55% เมื่อเทียบรายปี

นอกจากนี้ อาจมีการซื้อของออนไลน์ช่วง “Black Friday” ในปีนี้สูงขึ้นด้วย จึงทำให้ช่วงหลังเทศกาล Thanksgiving อาจมียอดขายออนไลน์ต่อวันสูงถึง 1.03 หมื่นล้านเหรียญ หรือเพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบรายปี

ธุรกิจ E-Commerce มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นอีก หากกลุ่มผู้ลริโภคได้รับ “มาตรการช่วยเหลือรอบใหม่จากสหรัฐฯ” หรือหากมีการ Shutdown ห้างร้านต่างๆเพื่อจำกัดการระบาดของไวรัสโคโรนา

แต่หากเกิดขึ้นได้ทั้งสองสิ่งในเวลาเดียวกัน กลุ่มผู้บริโภคจะมีการใช้จ่ายออนไลน์มากถึง 1.1 หมื่นล้านเหรียญ และหนุนให้ตลอดช่วงวันหยุดอาจมีการใช้จ่ายได้มากถึง 2 แสนล้านเหรียญ


· โพลล์ส่วนใหญ่ยังชี้ “ไบเดนนำ” แต่ตลาดยังกังวลเรื่องเศรษฐกิจที่อาจต้องรอถึงปีหน้าจึงจะได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม

นักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาดบางส่วนกำลังกังวลต่อวิธีการจัดการของผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ ที่กำลังสร้างความผันผวนให้แก่ตลาดหุ้น เพราะถึงแม้นายไบเดนจะมีคะแนนนำนายทรัมป์อยู่ประมาณ 7% และมีคาดการณ์มากถึง 63% ที่จะเห็นนายไบเดนชนะ และสามารถครองเสียงข้างมากได้ ที่อาจส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ แต่ทั้งหมดก็อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นได้ในเวลานี้ และอาจต้องรอออกไปในช่วงที่ประเทศกำลังเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มอย่างหนัก และน่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯย่ำแย่จนเข้าสู่เดือนม.ค.

ด้านภาคธุรกิจขนาดเล็กหลายแห่งก็มีรายงานว่าประสบภาวะขาดแคลนเงินสดอย่างรวดเร็ว และคาดว่าอาจเผชิญปัญหาดังกล่าวได้นานไปอีก 6 เดือนข้างหน้า หากสหรัฐฯยังคงปราศจากการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเดือนม.ค.นี้

นักเศรษฐศาสตร์บางส่วน ก็เริ่มมีความกังวลว่า การหารือต่อในสภาคองเกรสก็อาจประสบปัญหาความไม่ลงรอยต่อเนื่องได้ แต่หากสามารถเกิดมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมได้ก็มีโอกาสที่จะเห็นตลาดกลับมาเข้าซื้อและหนุนตลาดต่างๆเพิ่มเติมได้หลังจากนั้น


· รอยเตอร์ส ระบุว่า แผนค่าใช้จ่ายในภาคบริษัทในสหรัฐฯอาจย่ำแย่ลงจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากปัญหาการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการคัดค้านผลเลือกตั้ง


· อังกฤษปฏิเสธแผนนโยบายการค้า “Britain First” โดยจะมุ่งเน้นการหารือการค้าร่วมกับสหรัฐฯและยุโรปก่อน


· “เครเมอร์” ชี้ แรงเทขายที่เข้ามาในตลาดหุ้น ยากต่อการเข้าซื้อในเวลานี้ ท่ามกลางยอดติดเชื้อที่พุ่งไม่หยุด

นายจิม เครเมอร์ จาก CNBC ระบุว่า การปราศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯจะยากต่อการให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในเวลานี้ ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดที่ค่อนข้างเลวร้ายในสหรัฐฯ

ดังนั้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯจึงมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อ


· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.15 - 31.40 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า แต่อาจเป็นแค่ปัจจัยระยะสั้นๆ จากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่เริ่มผ่อนคลายลง จากที่ประชุมร่วมรัฐสภาเห็นพ้องให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ แต่ในระยะยาวแล้ว เชื่อว่าการเมืองยังยากที่จะหาข้อยุติกันได้โดยง่าย ดังนั้นแนวโน้มเงินบาทในระยะยาวยังมีโอกาสจะอ่อนค่าได้

อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้ตลาดให้ความสำคัญกับช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ล่าสุดพบว่า ชาวอเมริกันต่างตื่นตัวและออกมาเลือกตั้งล่วงหน้ากันค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นไปได้ว่าต้องการจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาจ้างงานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร (สัญญา 2.3) ของโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา)

- โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ 4 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจประกอบด้วย

1.โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน

2.โครงการยกระดับบุคลากรท่องเที่ยวไทย

3.โครงการพัฒนาเนินทรายงามเป็น

แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

4.โครงการต้นแบบ SHA สร้างสถานประกอบให้มีความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ตามวิถีท่องเที่ยวแนวใหม่

รวมใช้งบประมาณกว่า 111 ล้านบาท


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com