• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 30 ตุลาคม 2563

    30 ตุลาคม 2563 | Economic News
 

·         ดอลลาร์ทรงตัว – ยูโรเคลื่อนไหวใกล้ต่ำสุดรอบ 4 สัปดาห์หลังอีซีบีประกาศผลประชุ

ค่าเงินดอลลาร์ชะลอการปรับแข็งค่าในวันนี้ ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมาใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 4 สัปดาห์ หลังจากที่อีซีบีมีการส่งสัญญาณจะผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มขึ้นในช่วงสิ้นปี

โดยเมื่อคืนนี้ อีซีบีปรับอ่อนค่าลงไปมากสุดรอบ 4 สัปดาห์บริเวณ 1.1650 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ล่าสุดทรงตัวบริเวณ 1.1650 ดอลลาร์/ยูโร

ขณะที่การอ่อนค่าของยูโรและข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯได้ช่วยหนุนให้ดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นใกล้ระดับสูงสุดรอบ 4 สัปดาห์บริเวณ 93.916 จุด และส่งผลให้ภาพรวมรายสัปดาห์ปรับขึ้นมากที่สุดตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนก.ย.

ขณะที่ล่าสุดดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 93.889 จุด ท่ามกางความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ใกล้เข้ามา และความวิตกกังวลของการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ยังเป็นปัจจัยกระทบต่อตลาดการเงิน

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก
 Mizuho Bank กล่าวว่า กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการที่อีซีบีจะผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้นอาจสร้างความเสี่ยงให้นักลงทุนกลับเข้าถือครองดอลลาร์และกดดันให้ยูโรอ่อนค่าลง

 

·         บริษัท Moderna กำลังเตรียมให้ทั่วโลกได้ใช้วัคซีน Covid-19 ท่ามกลางเม็ดเงินจากรัฐบาลต่างๆที่ร่วมสนับสนุนกว่า 1.1 พันล้านเหรียญ โดยเวลานี้กำลังรอความเป็นไปได้ของประสิทธิภาพในตัวยา

 

·         แผนเศรษฐกิจ 5 ปีจีน เผยถึงแนวโน้มจะเพิ่มรายได้ ขยายฐานคนชั้นกลางในปี 2021-2025

ในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุว่า จีนจะทำการเพิ่มรายได้ให้แก่กลุ่มคนรายได้น้อย และขยายฐานชนชั้นกลางในระหว่างปี 2021-2025 โดยมีเป้าหมายเพื่อ “สนับสนุนการอุปโภคบริโภคและการเติบโตทางเศรษฐกิจ


·         การขนส่งสมาร์ทโฟนของบริษัท Huawei ของจีนดิ่งลง จากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯที่ยังดำเนินต่อไป โดยตลอดช่วงไตรมาสที่ 3/2020 บริษัท Huawei มียอดขนส่งสมาร์ทโฟน 51.7 ล้านชิ้น ลดลงประมาณ 23% เมื่อเทียบรายปี

ขณะที่ผลสำรวจบางแห่งมองว่ายอดสมาร์ทโฟน Huawei ร่วงลง 50.9 ล้านชิ้น หรือลดลงประมาณ 24% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่หุ้นบริษัท Huawei ในตลาดจีนปรับตัวลง 14จากเดิมที่ 18% ในปีที่แล้ว

ภาพรวมในช่วงไตรมาสที่ 3  พบว่าทั่วโลกมีการขนส่งอุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่ 384 ล้านชิ้น หรือลดลงเพียง 1เมื่อเทียบรายปี แต่ภาพรวมมีการปรับตัวขึ้นได้กว่า 22% จากช่วงไตรมาสที่ 2/2020

 

 

·         ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง 4 เดือนติดจากกลุ่มรถยนต์ และการผลิตด้านเครื่องจักร

รายงานผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 เดือนติดในเดือนก.ย. ที่ระดับ 4.0% ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต Covid-19 ที่ส่งผลให้อุปสงค์ภายนอกประเทศนั้นเพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่ข้อมูลอัตราว่างงานญี่ปุ่นทรงตัว ขณะเดียวกันผู้ลงทะเบียนสมัครงานก็ปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2013 เช่นกัน

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Mitsubishi UFJ Morgan Stanley Securities กล่าวว่า เศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะในจีนมีการปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกันการส่งออกของญี่ปุ่นที่กำลังเพิ่มขึ้น ขณะที่การฟื้นตัวของการผลิตในกลุ่มรถยนต์ และเครื่องมือไฮเทคก็ได้หนุนให้ภาพรวมการส่งออกปรับตัวสูงขึ้นได้

 

 

·         ญี่ปุ่นลดระดับเตือนภัยเดินทางไปตปท.รวมไทย หลังยอดติดโควิดเริ่มซา

 

นายโตชิมิตสึ โมเตกิ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นประกาศลดระดับคำเตือนการเดินทางไปยัง 9 ประเทศ หลังจากที่อัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศเหล่านั้นเริ่มชะลอตัวลง

 

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้ลดระดับการเตือนเดินทางไปยังประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว ลงสู่ระดับ จากทั้งหมด ระดับ โดยประเทศเหล่านั้นได้แก่ ออสเตรเลียเกาหลีใต้สิงคโปร์ไทยไต้หวันจีนนิวซีแลนด์บรูไน และเวียดนาม

 



·         สิงคโปร์ไฟเขียวนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว

 

สิงคโปร์อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่มาจากจีนสามารถเดินทางเข้าประกาศได้โดยไม่ต้องกักตัว โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. เป็นต้นไป

 

หน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของสิงคโปร์ ระบุว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากจีน จะต้องผ่านการตรวจหาเชื้อไวรัสไวรัสโคโรนาก่อน และหากผลการตรวจเป็นลบ พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการกักตัว

 


 

·         ธนาคารต่างในออสเตรเลีย ตำหนิการใช้เงินที่มากเกินไป ที่อาจมีวิธีที่มากกว่าการทำอย่างนั้น

ระบบภาคธนาคารของออสเตรเลีย (RBA) ดูจะมีเม็ดเงินที่มากกเนความจำเป็น ซึ่งถือเป็นความท้าทายต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางการประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลียในสัปดาห์หน้าที่คาดจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยใกล้ระดับศูนย์ หรือหั่นดอกเบี้ยลงมาที่ 0.1% พร้อมสนับสนุนการเพิ่มการเข้าซื้อพันธบัตร

ท่ามกลางประเทศที่พยายามรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยจาก Covid-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จึงมีการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนนับหลายพันล้านเหรียญเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งมีการปรับลดดอกเบี้ยแตะระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ และการสนับสนุนด้านค่าแรง

แต่ภาพรวมธนาคารต่างๆ มองว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งเงินทั้งหมดจากมาตรการต่างๆเหล่านั้น และนี่น่าจะกลายมาเป็นปัญหามากกว่าในการส่งผลกระทบต่อ Margins ของพวกเขา

นอกจากนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือการเพิ่มเงินสดฉบับพิเศษของทาง RBA ไม่มีแนวโน้มที่จะช่วยเพิ่มอุปสงค์ด้านสินเชื่อ

 

 

·         การระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบต่อภาคแรงงานในกลุ่มพลังงาน

บริษัทน้ำมันและแก๊สต่างๆทั่วโลกมีการ “ปรับลดการจ้างพนักงานทั้งหมด” เนื่องจากคาดว่าน่าจะเห็นอุปสงค์อ่อนแอเป็นเวลานาน


ล่าสุดบริษัท
 Exxon Mobil Corp คาดว่า น่าจะมีการปรับลดพนักงานเพิ่ม 15หรือประมาณ 14,000 ตำแหน่ง เช่นเดียวกับบริษัทรายใหญ่อื่นๆ อาทิ Chevron Corp และ Royal Dutch Shell Plc

บริษัท
 Rystad Energy เผยว่า ภาพรวมภาพลังงานทั้งน้ำมันและแก๊สมีการปรับลดคนงานปีนี้แล้วมากกว่า 400,000 ตำแหน่ง โดยเกินกว่าครึ่งเป็นการปรับลดกำลังคนในสหรัฐฯ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นสำนักงานใหญ่

อย่างไรก็ดี การระบาดของไวรัสโคโรนาได้ทำลายทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงกลุ่มพลังงาน, การท่องเที่ยว, สถานพยาบาล และอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนักสุด โดยบริษัทพลังงานดูจะมีผลประกอบการที่ชะลอตัว โดยเฉพาะการจัดการน้ำมันเชลในภูมิภาคของสหรัฐฯ ดังนั้น การปรับตัวลดลงกว่าเท่าตัวของกลุ่มพลังงานต่างๆ “เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มนักลงทุน ที่อาจเห็นภาคบริษัทมีการปรับเพิ่ม
 Margins” ได้

 



·         ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง จากการระบาดของไวรัสโคโรนา

 

ราคาน้ำมันทั่วโลกลดลงมากกว่า 1% ในวันนี้ ปรับลดลงต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในยุโรปและสหรัฐฯที่อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

โดยน้ำมันดิบ Brent ลดลงเป็นวันที่ 3 ลดลงไปที่ 51 เซนต์ หรือ 1.4% ที่ระดับ 37.14 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ในช่วงก่อนหน้า

ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 48 เซนต์ หรือ 1.3% ที่ ระดับ 35.69 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากลดลงสู่ระดับต่ำสุดในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com