ดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 150 จุด - แรงเทขายกดดันหุ้นสหรัฐฯปิดสัปดาห์แย่สุดตั้งแต่มี.ค.
ดัชนีดาวโจนส์ปิด -157.51 จุด หรือ -0.6% ที่ระดับ 26,501.60 จุด (ระหว่างวันปรับตัวลงไปกว่า 500 จุด)
ดัชนี S&P500 ปิด -1.2% ที่ 3,269.96 จุด
ดัชนี Nasdaq ปิด -2.5% ที่ 10,911.59 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลดลง อันเนื่องมาจาก
- หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ปิดลบ
- ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้น
- การปราศจากกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
- นักลงทุนรอการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯวันอังคารนี้ (3 พ.ย.)
ภาพรวมรายสัปดาห์ดัชนีดาวโจนส์ -6.5% ด้าน S&P500 -5.6% ขณะที่ Nasdaq -5% ทั้งหมดนี้ถือเป็นการปิดสัปดาห์ที่แย่ที่สุดตั้งแต่เดือนมี.ค.
นักกลยุทธ์จาก MRB Partners กล่าวว่า ปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้น คือเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ความคืบหน้าเรื่องวัคซีน และความหวังที่จะเห็นเศรษฐกิจกลับมาโตได้ช่วงก่อนการระบาด แต่การกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดของยุโรปเพื่อรับมือกับการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของไวรัสโคโรนาดูจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อนักลงทุน และทำให้เกิดแรงเทขายออกมา
นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐฯ เลื่อนการเปิดประชุมสภาออกไปถึงวันที่ 9 พ.ย. จึงไม่มีแนวโน้มอย่างมากที่จะเห็นพรรคเดโมแครตกับรีพับลิกันบรรลุข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ได้ก่อนเลือกตั้งวันพรุ่งนี้
นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวตำหนิ นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ทำให้ยังไม่สามารถตกลงกันได้
บรรดาเทรดเดอร์ เกิดกรแสเกี่ยวกับการที่ ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงก่อนเลือกตั้งได้หรือไม่ ขณะที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจได้รับผลกระทบจากการปราศจากการช่วยเหลือครั้งใหม่
อย่างไรก็ดี ตลาดน่าจะเคลื่อนไหวได้ในระดับปานกลางตลอดสัปดาห์จากการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น
RealClearPolitics ชี้ นายโจ ไบเดน ยังมีคะแนนนำนายทรัมป์ทิ้งห่างเพียง 7% เท่านั้น แต่คะแนนนิยมเริ่มเบียดมาสูสีกันมากขึ้นนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนต.ค.
ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ปิดเดือนต.ค. ในแดนลบเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับลงกว่า 6% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดเดือนนี้ร่วงลงกว่า 5%