· ดอลลาร์ทรงตัวก่อนทราบผลเลือกตั้ง - ออสซี่ร่วงจากการลดดอกเบี้ยของ RBA
ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวและอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดรอบ 1 เดือนที่ทำไว้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่เลือกระมัดระวังการลงทุนก่อนการเปิดหีบนับคะแนนเลือกตั้งของสหรัฐฯ ขณะที่ออสเตรเลียดอลลาร์อ่อนค่าหลังจากที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA)ทำการปรับลดดอกเบี้ยลง 0.15% สู่ระดับ 0.1% พร้อมเผยโปรแกรมการเข้าซื้อพันธบัตรได้ตามคาด
ตลาดส่วนใหญ่ต่างมุ่งเน้นไปยังผลการเลือกตั้ง แต่เทรดเดอร์หลายๆคนมีการลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะ Safe-Haven จากสภาวะความผันผวนที่เพิ่มขึ้นก่อนผลเลือกตั้งจะปรากฎออกมา
ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 93.996 จุด หลังจากที่ทำแข็งค่ามากสุดรอบ 1 เดือนวานนี้ ขณะที่เงินเยนก็ทรงตัวบริเวณ 104.72 เยน/ดอลลาร์
ผลสำรวจความคิดเห็นส่วนใหญ่ของโพลล์ต่างๆ สะท้อนให้เห็นว่า นายไบเดนยังคงมีคะแนนนำนายทรัมป์
บรรดานักวิเคราะห์มีมุมมองในทางเดียวกันว่า "หากไบเดนชนะ ดอลลาร์จะอ่อนค่า" อันเนื่องจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ และการปรับความเหมาะสมในทางการค้าอย่างเสรี จึงน่าจะช่วยหนุนค่าเงินสกุลอื่นๆมากกว่าดอลลาร์
แต่คะแนนที่เริ่มสูสีกันมากๆ ก็มีสิทธิที่นายทรัมป์จะเอาชนะได้ และนี่จะเป็นปัจจัยในขั้นต้นที่ "หนุนให้ดอลลาร์แข็งค่า" ท่ามกลางแรงขายที่จะถูกจำกัด
ค่าเงินเยวนค่อนข้างทรงตัว แต่คาดว่าจะเคลื่อนไหวตามข่าวเลือกตั้ง เนื่องจาก "นายทรัมป์" ถือเป็นปัญหาสำคัญของความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
หัวหน้านักกลยุทธ์ค่าเงินเอเชียจาก Mizuho กล่าวว่า ชัยชนะของนายทรัมป์จะเป็นเรื่อง "Surprise" ตลาดและก่อให้เกิดความกังวลว่าจะมีการเพิ่มภาษีได้ แต่หากนายไบเดนชนะก็อาจหนุนให้หยวนแข็งค่าได้ และคาดหยวนอาจมีการปรับตัวลงมาสู่กรอบ 6.5 หยวน/ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี 2021 และมีความเสี่ยงจะเกิด Trade War ครั้งใหม่น้อยกว่า ประกอบกับจีนมีทิศทางการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง
· นักกลยุทธ์ ชี้ หยวนยังยากลำบากในการเป็นหนึ่งในสกุลเงินสำรอง
ท่ามกลางดอลลาร์ที่มักถูกเลือกถือครองเพื่อสำรองในพอร์ตหรือธนาคารกลาง ประกอบกับค่าเงินยูโรก็พยายามที่จะเพิ่มมูลค่าในการเป็นหนึ่งในสกุลที่ถูกนำไปสำรองมากขึ้น ทั้งหมดนี้จึงเป็นการยากต่อค่าเงินหยวน
· นักลงทุนลดพอร์ตรับความผันผวนเลือกตั้งสหรัฐฯวันนี้
ประธานบริหารกองทุนป้องกันความเสี่ยง Hercules Investments เผยว่า เขามีการปรับกลยุทธ์การซื้อขายเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากสภาวะคยวามผันผวนสูงในตลาด และเขาเชื่อว่า กลุ่มนักลงทุนก็มีการปรับลดพอร์ตการลงทุนของตนเองเพื่อรับมือกับผลของการเลือกตั้ง
สำนักข่าว Reuters ระบุว่า ตลาดการเงินค่อนข้างแกว่งตัวอย่างมากหลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ พลิกมาชนะรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯอย่างเหนือความคาดหมายในปี 2016 และนี่ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจนักลงทุนอยู่ ดังนั้น หลายๆคนจึงใช้เวลาหลายสัปดาห์เพื่อลดพอร์ตการลงทุนของตนเองในสิินทรัพย์ต่างๆ รวมทั้งทำการ Hedging พอร์ตตัวเองเพื่อรับมือกับความผันผวนหลังเลือกตั้ง ท่ามกลางนักกลยุทธ์ประมาณ 2-3 รายที่แนะนำให้ทำกำไรจากสภาวะตลาดในเวลานี้
เทรดเดอร์จาก Bright Trading LLC กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญแห่งปี ประกอบกับความไม่แน่นอนต่างๆในตลาดซื้อขายก็ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
นักวิเคราะห์บางส่วนมีการเตรียมกลยุทธ์ซื้อขายที่รองรับกับความผันผวนในเวลานี้เพื่อให้ประโยชน์ในการเทรด
ทีมนักวิเคราะห์จาก TD Securities คาด ดัชนี S&P500 อาจปรับตัวได้มากถึง 3% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีอาจปรับขึ้น 0.15% หากนายไบเดนได้รับชัยชนะ และพรรคเดโมแครตสามารถชนะเก้าอี้ในวุฒิสภาได้สูงถึง51 ที่นั่ง
กรณีที่ดัชนี S&P500 อาจปรับขึ้นได้ประมาณ 1% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีจะปรับตัวลงประมาณ 0.10% จะเกิดขึ้นต่อเมื่อ หากนายทรัมป์ได้รับชัยชนะ และพรรครีพับลิกันยังสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒฺิสภาได้
ความไม่ชัดเจนของผลเลือกตั้ง ที่อาจใช้เวลาหลายวันอาจกดดันให้ "ดัชนี S&P500 ปรับตัวลงมากถึง 5" และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปรับตัวลดลงได้มากถึง 0.15%
นักลงทุนบางส่วนจะทำการเพิ่มสถานะในสินทรัพย์ที่มีราคาปรับตัวลดลงในเวลานี้
หัวหน้าฝ่ายการซ์้อขาย และนักวิเคราะห์จาก Harvest Volatility Management ระบุว่า เขามีการขายสินทรัพย์เพื่อลดพอร์ตบางส่วนเป็นการชั่วคราว ประกอบด้วย สถานะ Short ในฝั่ง Options โดยเฉพาะเหตุการณ์เลือกตั้งครั้งนี้ที่อาจมีเกิดการนำอารมณ์ร่วมที่ผสมผสานกันมาร่วมในการลงทุนที่อาจสร้างความเสี่ยงมากขึ้นได้ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะลดพอร์ตการลงทุนลง
· Reuters/Ipsos Polls ชี้ ไบเดนนำทรัมป์อย่างสูสีในรัฐฟลอริด้า
ขณะที่ Final Polls ชี้ว่านายไบเดนมีคะแนนนิยมที่ 52% ด้านนายทรัมป์มีเสียงสนับสนุนที่ 44%
สำหรับผลสำรวจในรัฐฟลอริด้าระหว่าง 27 ต.ค. - 1 พ.ย. มีแต้มทิ้งห่างกันแคบลง
โหวตเลือกไบเดน: 50%
โหวตเลือกทรัมป์: 46%
· ท่าทีตอบสนองของผู้นำสหรัฐฯต่อเหตุกราดยิงออสเตรีย จากเหตุมือปืนก่อเหตใน 6 พื้นที่ของกรุงเวียนนาส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ขณะที่ผู้บาดเจ็บไม่น้อยกว่า 14 ราย
นายโดนัลด์ ทรัมป์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
สนับสนุนให้หยุดการโจมตีอย่างไร้ความปราณีต่อผู้บริสุทธิ์ และสหรัฐฯจะยืนเคียงข้างออสเตรีย, ฝรั่งเศส และทุกๆชาติของยุโรปในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย ที่หมายรวมถึง IS
นายโจ ไบเดน - ผู้ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯจากเดโมแครต
เราทุกชาติต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อต่อต้านความเกลียดชังและความรุนแรงใดๆ
· รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของออสเตรีย ระบุว่า เหตุกราดยิงกลางกรุงเวียนนาเมื่อวานนี้เป็นการก่อการร้ายของกลุ่ม IS
· จีนรายงานผู้ป่วยไวรัสโคโรนารายใหม่ 49 รายเมื่อวานนี้ เพิ่มขึ้นจาก 24 วันก่อนหน้านี้
โดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ 44 รายนี้เป็นการนำเข้าการติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศและอีก 5 รายเป็นผู้ติดเชื้อในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของภูมิภาคซินเจียง
· ธนาคารกลางออสเตรเลียลดดอกเบี้ยเหลือ 0.1% พร้อมขยายโครงการซื้อพันธบัตร
ธนาคารกลางออสเตรเลีย ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 0.10% จากระดับ 0.25% พร้อมกับปรับลดเป้าหมายเส้นอัตราผลตอบแทน (yield-curve) และลดอัตราดอกเบี้ยในโครงการปล่อยเงินกู้ให้กับภาคธนาคาร ลงสู่ระดับ 0.10% จากระดับ 0.25% เช่นกัน โดยการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับที่เหล่านักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของไวรัสโคโรนา
นอกจากนี้ ยังประกาศว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้ จะทำการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลในวงเงิน 1 แสนล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (7.04 หมื่นล้านเหรียญ) โดยมีกำหนดไถ่ถอนในระยะเวลา 5-10 ปี
· Reuters Poll เผยผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ ชี้การระบาดของไวรัสโคโรนาจะทำให้ "อินโดนีเซีย" เข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1998
โดยคาดจีดีพีไตรมาสที่ 3/2020 จะออกมา -3% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ไตรมาสที่ 2 ปรับตัวลงมากว่า -5.32% ซึ่งการที่จีดีพีสองไตรมาสเข้าสู่แดนลบสองเดือนติดดูจะส่งผลให้เศรษฐกิจรุดเข้าสู่ภาวะถดถอยมากยิ่งขึ้น
· ราคาน้ำมันยังคงทรงตัวก่อนทราบผลเลือกตั้ง ปธน.สหัรฐฯ
ราคาน้ำมันทรงตัวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อคืน แต่ก็ยังคงถูกจำกัดด้วยความกังวลด้านอุปสงค์และความกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่เพิ่มขึ้น
โดยหวังว่าผู้ผลิตรายใหญ่จะลดกำลังการผลิตลดเพื่อเพิ่มช่วยให้ราคาสูงขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ตลาดยังต้องเผชิญกับไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอุปทานของลิเบียที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ
น้ำมันดิบ Brent ปรับเพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ที่ระดับ 38.98 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.2% ที่ระดับ 36.89 เหรียญ/บาร์เรล โดยทั้งคู่ปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 3% ในเมื่อวาน