ราคาทองคำปรับตัวขึ้น - ดอลลาร์อ่อน รอผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
· ราคาทองคำปรับตัวขึ้น ท่ามกลางดอลลาร์อ่อนค่า โดยตลาดรอการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จึงทำให้นักลงทุนกลับเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
· ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.7% ที่ระดับ 1,907.96 เหรียญ ด้านสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.9% ที่ระดับ 1,910.40 เหรียญ
· สถาบัน Circle Squared Alternative Investments กล่าวว่าราคาทองคำมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นได้ต่อจากการลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แม้ว่าจะไม่มีคาดการณ์ออกมาว่าใครจะได้ชัยชนะอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ ขณะที่ภาพรวมเชื่อว่าหากราคาทองคำ Break เหนือ 2,000 เหรียญได้ ก็มีโอกาสจะทำ All-Time High ได้ตลอดจนถึงวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันที่ 20 ม.ค. แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องรอการตัดสินใจของผู้นำสหรัฐฯคนต่อไป เนื่องจากจะขึ้นอยู่กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
· นายโจ ไบเดน ผู้ลงแข่งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากเดโมแครตเริ่มมีคะแนนสูสีกับนายทรัมป์มากขึ้นในรัฐใหญ่ๆในกลุ่ม Swing States ประกอบกับภาพรวมอาจใช้เวลาหลาวันก่อนที่จะทราบผลคะแนนจากการนับบัตรลงคะแนนที่ส่งมาทรางไปรษณีย์
· ภาพรวมตลาดทองคำมีแรงหนุนบางส่วนจากคาดการณ์ที่ว่า นายไบเดนจะชนะ ที่ส่งผลให้ดอลลาร์เริ่มกลับมาอ่อนค่า เนื่องจากเขามีท่าทีสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจในภาวะวิกฤตไวรัสโคโรนา ขณะที่การระบาดของไวรัสล่าสุดได้ส่งผลให้หลายๆประเทศในยุโรปตัดสินใจกลับมา Lockdown รอบ 2
· นักวิเคราะห์จาก StoneX กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งดูจะเป็นมิตรกับทิศทางทองคำ ขณะที่ดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ ท่ามกลางโอกาสเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ และการเดินหน้าใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบ พร้อมๆกับที่เฟดอาจเริ่มกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ระยะยาว
· เฟดจะเริ่มต้นเปิดฉากปรชุมในวันนี้ และจะมีการแถลงผลประชุมในคืนวันพรุ่งนี้ประมาณตี 2 ตามเวลาไทย
· ราคาซิลเวอร์ปิด +0.7% ที่ระดับ 24.20 เหรียญ ด้านแพลทินัมปิด +1.3% ที่ระดับ 869.87 เหรียญ ขณะที่ราคาพลาเดียมปิด +3.4% ที่ 2,287.03 เหรียญ
· Reuters เผย เดโมแครตมีแนวโน้มครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้ แต่การประกาศผลอาจถูกเลื่อนออกไป บางกรณีอาจเลื่อนประกาศผลเป็นเดือน
· Thomson Reuters รายงานผลประกอบการรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 2% แตะ 1.44 พันล้านเหรียญ ขณะที่กำไรด้านการจัดการเพิ่ม 21% ที่ 318 ล้านเหรียญ ท่ามกลางแนวโน้มกระแสเงินสดที่เพิ่มสูงขึ้นในปีนี้
· เจรจา Brexit ล่มในเรื่องหาข้อตกลงด้านการประมง โดยการเจรจาการค้าระหว่างอียู-อังกฤษ ยังคงติด 3 เรื่องหลักๆ คือ การแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม, การประมง และการระงับข้อพิพาทต่างๆ ซึ่งการเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่อยู่ในขั้นสุดท้ายภายในวันที่ 15 พ.ย.
· นักบริหารการเงิน คาดว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.00-31.50 บาท/ดอลลาร์ โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 7.7 พันล้านบาท และ 3.1 พันล้านบาท ตามลำดับ ส่วนเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ ขณะที่เงินยูโรร่วงลงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือน หลังธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในเดือนธันวาคมท่ามกลางการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกสอง
หากกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งกลับมาเป็นผู้นำสมัยที่ 2 คาดว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ดี สำหรับภาพใหญ่ นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับความชัดเจนของผลการเลือกตั้ง หากคะแนนเสียงออกมาสูสีมากและมีความเสี่ยงที่จะเกิดการคัดค้าน จะทำให้ตลาดผันผวนสูง อนึ่ง เรามองว่าไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ เงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงในระยะยาวเนื่องจากการขาดดุลงบประมาณในระดับสูงและการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในอีกหลายปีข้างหน้า นอกจากนี้ นักลงทุนจะติดตามผลการประชุมเฟดวันที่ 5 พ.ย. ซึ่งคาดว่าจะยังคงให้คำมั่นเรื่องการสนับสนุนเศรษฐกิจ ส่วนการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) มีแนวโน้มเพิ่มมาตรการ QE อีก 1 แสนล้านปอนด์ ขณะที่ข้อมูลภาคบริการและการจ้างงานสหรัฐฯที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ล้วนอยู่ในความสนใจของตลาดเช่นกัน