· ดอลลาร์แข็งค่า – เปโซเม็กซิโกอ่อนค่า หลังทรัมป์มีแนวโน้มใกล้ประกาศชัยชนะ
ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยดัชนีดอลลาร์ 0.7% ที่ระดับ 94.202 จุด หลังจากที่ช่วงต้นตลาดเริ่มเห็นคะแนนการเลือกตั้งมีความสูสีกันอย่างมาก และหนุนให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่านายไบเดน อาจไม่ชนะดังที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่นายทรัมป์ที่มีคะแนนนิยมใน Polls ต่างๆค่อนข้างน้อย ก็สามารถเอาชนะในรัฐใหญ่ที่สำคัญ อย่าง รัฐฟลอริดา ได้ ส่งผลให้เงินหยวนและเงินเปโซอ่อนค่าอย่างหนัก จากความกังวลต่อท่าทีที่แข็งกร้าวของเขาในการดำเนินนโยบายทางการค้า
ค่าเงินเปโซอ่อนค่าลงไปเกือบ 4% มาที่ 20.905 ดอลลาร์/เปโซ ด้านหยวนอ่อนค่า 0.8% แตะ 6.7362 หบงย/ดอลลาร์ทำต่ำสุดรอบ 1 เดือน
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเกือบ 1% ทำต่ำสุดนับตั้งปลายเดือนก.ค. และมาทรงตัวแถว 1.1624 ดอลลาร์/ยูโร
ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์อ่อนค่า 0.6% แตะ 0.7128 ขณะที่ปอนด์อ่อนค่ามา 0.6% ที่ 1.2983 ดอลลาร์/ปอดน์ และค่าเงินแคนาดาดอลลาร์อ่อนค่ากว่า 0.65% ที่ 1.3218
เยนเองก็อ่อนค่าเพิ่ม 0.65% ไปแตะ 105.195 เยน/ดอลลาร์
นายทรัมป์มีแนวโน้มคะแนนที่สูสีนำนายไบเดนได้รัฐฟลอริดา รวมทั้งในกลุ่ม Swing States อื่นๆด้วย จากผลลัพธ์ของการเลือกตั้งที่นำมาสู่การตัดสินใจของกลุ่มนักลงทุน แม้ว่ารัฐจอร์เจีย, และนอร์ธ แคโรไลนา ยังคงไม่ประกาศผลในเวลานี้ จึงสวนกับกระแสคาดการณ์ของตลาดที่ว่า นายไบเดนมีแนวโน้มจะได้รับชัยชนะ และสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯครั้งใหญ่
หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Nomura Securities กล่าว่า หากไบเดนชนะได้ในรัฐฟลอริดา ก็มีโอกาสชนะได้เกือบทุกการแข่งขัน แต่ความไม่แน่นอนที่มีในระดับสูงจึงทำให้เกิดสภาวะแบบ Risk-On
นักลงทุนส่วนใหญ่เพิ่มความเป็นไปได้สำหรับผลเลือกตั้งครั้งนี้แม้อาจจะยังไม่มีความชัดเจนในวันนี้ แต่ตลาดก็เลือกที่จะทำการ Hedging ป้องกันความเสี่ยงหากเกิดการค้านผลเลือกตั้ง หรือกระบวนการนับบัตรที่ส่งทางไปรษณีย์มีความล่าช้า
นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley กล่าวว่า หากผลที่ออกมาเข้าใกล้ช่วงเที่ยงคืนวันนี้ หรือเป็นการเริ่มต้นวันที่ 5 พ.ย. ก็มีแนวโน้มสูงที่อาจจะไม่ต้องรอผลคะแนนนานออกไป
· “ทรัมป์” พยายามอ้างถึงชัยชนะ แม้ว่าการนับคะแนนจากทางไปรษณีย์อีกหลายล้านฉบับยังคงดำเนินอยู่ในหลายๆรัฐ
· นายไบเดนแสดงความมั่นใจถึงชัยชนะและเรียกร้องให้กลุ่มผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง “อดทนรอ” การนับคะแนน
· The Guardian ชี้ “ยังไม่มีการประกาศผลผู้ชนะในเวลานี้”
ท่ามกลางผลการลงคะแนนนับล้านเสียงยังคงอยู่ระหว่างการนับคะแนน รวมไปถึงรัฐสำคัญต่างๆ
· CNBC ระบุว่า ยังไม่ควรคาดหวังว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป หากการนับคะแนนในรัฐมิชิแกน, เพนซิลเวเนีย และวินคอนซิน ยังไม่จบ
· “ไบเดน” แสดงความต้องการให้สหรัฐฯกลับเข้าร่วมข้อตกลง TPP (ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก) หรือข้อตกลงการค้าเสรีในแถบแปซิฟิก
หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยกเลิกข้อตกลงดังกล่าวในปี 2017 และปล่อยให้ 11 ประเทศที่เหลือมีการเจรจาและลงนามข้อตกลงกันใหม่ภายใต้ชื่อ CPTPP เมื่อเดือนมี.ค. ปี 2018
โดยรูปแบบเดิมของข้อตกลง TPP จะคิดเป็นมูลค่า 40% ของเศรษฐกิจโลก และเมื่อเทียบสัดส่วนระหว่างสหรัฐฯและจีนจะอยู่ที่ 18% หรือ 20% ของจีดีพีโลก
อย่างไรก็ดี นายไบเดนมีความต้องการผลักดันนำข้อตกลง TPP ในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯกลับมา ซึ่งอาจมีการเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่ หากเขาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีวาระนี้
แต่สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ(CFR) ระบุว่า ข้อตกลง TPP ที่นายไบเดนเรียกร้องนั้นอาจไม่ได้สมบูรณ์ทุกประการ แต่จะนำมาซึ่งวิธีการที่ดีที่ “นานาประเทศจะร่วมมือกันจำกัดอิทธิพลของจีน”
· ดัชนี PMI อังกฤษชี้อาจเผชิญภาวะถอยเท่าตัวในฤดูหนาวนี้ โดยดัชนี HIS Markit/CIPs เผยดัชนี PMI ภาคบริการปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดรอบ 4 เดือนที่ 51.4 จุดในเดือนต.ค. จาก 56.1 จุดในเดือนก.ย.
· ฝรั่งเศสเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนามากที่สุดใน 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
หน่วยงานสาธารณสุขของฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา เพิ่มอีก 854 ราย และพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 36,330 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 38,289 ราย และยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านราย
· จีนชี้จะมีการคัดเลือกผู้นำเข้าท่ามกลางการตัดลดการนำเข้าสินค้าจากออสเตรเลีย
· Caixin PMI เผย ภาคบริการจีนฟื้นตัวแข็งแกร่งในเดือนต.ค. ท่ามกลางการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น โดยมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 หลังจากที่ Caixin/Markit เผย PMI ภาคบริการขยายตัวได้ 56.8 ในเดือนต.ค. จาก 54.8 จุดในเดือนก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และยังยืนได้เหนือระดับ 50 จุด
ทั้งนี้ ภาคบริการจีนจะถูกนำไปคิดเป็นสัดส่วน 60% ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ และคิดเป็นครึ่งหนึ่งของภาคแรงงาน
· ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ท่ามกลางสต็อกน้ำมันดิบหดตัวลง แต่ความไม่แน่นอนเรื่องความเลือกตั้ง
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 2% หลังจากที่ข้อมูลของ API เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวลดลง ขณะที่ปริมาณการซื้อขายอยู่ในระดับปานกลางท่ามกลางผลการเลือกตั้งที่ยังไม่ชัดเจน
น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 80 เซนต์ หรือ +2.1% ที่ระดับ 38.46 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่แกว่งตัวในกรอบเกือบ 1 เหรียญ
น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 80 เซนต์ หรือ +2% ที่ระดับ 40.51 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่มีกรอบเคลื่อนไหวระหว่าง 39.85 – 40.70 เหรียญ/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลงไปกว่า 10% จากภาวการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น และมีการกลับมาใช้มาตรการคุมเข้าที่น่าเป็นอุปสรรคต่ออุปสงค์น้ำมัน ขณะที่ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ดูจะได้รับอานิสงส์จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ