• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563

    5 พฤศจิกายน 2563 | Gold News

ทองลงจากโอกาสรีพับลิกันคว้าชัยวุฒิสภา กดดันการผลักดันกระตุ้นเศรษฐกิจ

· ราคาทองคำปิดปรับตัวลงจากแนวโน้มที่พรรคเดโมแครตไม่อาจครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้จึงน่าจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่เพื่อต่อสู้กับวิกฤตไวรัสโคโรนาได้ ประกอบกับคะแนนนำของนายทรัมป์ที่ตีตื้นตามมาและรีบอ้างถึงชัยชนะแม้จะยังนับคะแนนบัตรไม่จบ ขณะที่ดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นด้วย

· ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.7% ที่ระดับ 1,896.02 เหรียญ ด้านสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค.ปิด -0.7% ที่ระดับ 1,896.20 เหรียญ

· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ทำการเทขายทองคำออก 3.50 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,252.42 ตัน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา

· สำหรับเช้านี้ราคาทองคำกลับมายืนเหนือ 1,900 เหรียญอีกครั้ง หลังจากที่คะแนนนายไบเดนเหลืออีกเพียง 6 คะแนนก็จะสามารถเอาชนะนายทรัมป์ได้


· อย่างไรก็ดี ถึงนายไบเดนจะชนะเลือกตั้งได้ แต่อุปสรรคสำคัญอยู่ที่เสียงข้างมากในวุฒิสภาที่อาจปฏิเสธการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงินจำนวนมากของเขา แต่ทองคำก็จะยังได้รับอานิสงส์อยู่จากความเสี่ยงต่างๆ และการเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และค่าเงิน


· หัวหน้านักลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า แต่สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนไม่ควรลืมก็คือการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ ที่มีแนวโน้มจะยังเดินหน้าผ่อนคลายทางการเงินครั้งใหม่ แม้จะไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆจากทางสภาคองเกรสเพิ่มเติมก็ตาม


· นักวิเคราะห์จาก OANDA ชี้ให้รอคอยความชัดเจนของผลเลือกตั้ง เพราะทุกอย่างอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และความเสี่ยงครั้งใหญ่ต่างๆก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำในฐานะ Safe-Haven


· ราคาซิลเวอร์ปิด +1.4% ที่ระดับ 23.84 เหรียญ

ราคาแพลทินัมปิด +0.1% ที่ระดับ 867.34 เหรียญ

ราคาพลาเดียมปิด +0.3% ที่ระดับ 2,290.42 เหรียญ


· CORONAVIRUS CRISIS :

ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกทะลุ 48 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย ล่าสุดยอดสะสมอยู่ที่ 48.41 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตรวมที่ 1.23 ล้านราย ทางด้านสหรัฐฯยังพบยอดติดเชื้อรวมสูงกว่า 9.79 ล้านราย และจำนวนการเสียชีวิตรวมใกล้แตะ 240,000 ราย

· เลือกตั้งปธน. สหรัฐฯ 2020 | ผลล่าสุดลุ้นไบเดนที่มีคะแนนนำเบื้องต้นในรัฐเนวาดา และวิสคอนซิน

ผลการเลือกตั้งที่เริ่มทยอยประกาศออกมาเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ตามเวลาไทย จะเห็นได้ว่า “ยังไม่มีความชัดเจน” ว่าใครจะเป็นผู้ชนะทางการในศึกครั้งนี้

และรัฐใหญ่ๆที่มีการปิดนับผลคะแนนโหวตไปแล้วพบว่า

“นายทรัมป์” เอาชนะได้ใน

- รัฐฟลอริดา

- รัฐโอไฮโอ

- รัฐเท็กซัส

“นายไบเดน” คาดจะเอาชนะเพิ่มได้ใน

- รัฐแอริโซนา

- รัฐเนวาดา

- รัฐวิสคอนซิน

ดังนั้น จึงแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวัง และจับตาไปยังเขตสำคัญในแถบมิดเวสต์

อย่างไรก็ดี การประกาศผลขั้นสุดท้ายสำหรับรัฐมิชิแกน และวิสคอนซินอย่างเป็นทางการยังไม่เกิดขึ้น ขณะที่รัฐเพนซิลเวเนียอาจยังไม่ทำการประกาศผลการเลือกตั้งใดๆ จนกว่าจะเข้าสู่ช่วงปลายสัปดาห์


· นักเศรษฐศาสตร์ออกโรงเตือน “นักลงทุนต้องระวังเพื่อเลี่ยงความหวั่นไหวในช่วงคะแนนเลือกตั้งสูสีกัน”

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ให้ข้อมูลกับ CNBC ให้ความเห็นเดียวกันว่า “นักลงทุนควรต้องระมัดระวังเพื่อเลี่ยงสภาวะหวั่นไหวของตลาดที่เผชิญกับความไม่แน่นอนเวลานี้ ท่ามกลางผลการแข่งขันที่มีแนวโน้มว่าอาจต้องใช้ระยะเวลาหลายวัน


· ชัยชนะของการเลือกตั้งดูจะเร็วเกินไปที่จะเกิดขึ้นภายในเมื่อวานนี้

หลังจากที่ผลคะแนนบีบคั้นทุกขณะและนายทรัมป์สามารถคว้าชัยในรัฐใหญ่ๆได้ ก็ส่งผลให้นายไบเดนมีการให้กำลังใจกลุ่มผู้สนับสนุนเขาต่อชัยชนะที่จะถูกเปิดเผยในเวลาต่อไป

พร้อมกันนี้ในระหว่างวัน นายไบเดนก็มีการกล่าวตำหนิว่านายทรัมป์อาจกล่าวอ้างอย่างผิดๆสำหรับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากจำนวนบัตรลงคะแนนผ่านไปรษณีย์นับล้านๆใบยังคงมีการนับคะแนนอยู่

หลายๆตลาดยังคาดหวังจะเห็นชัยชนะของนายไบเดน แม้ว่าอาจมีความหวังเพียงเล็กน้อยหลังฝ่ายเดโมแครตพ่ายในการเอาชนะรัฐกลุ่ม Swing States เพราะการนับผลคะแนนที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว

แต่ในความเป็นจริงเราจำเป็นที่จะต้องรอให้อีกหลายๆรัฐนับคะแนนจบลง เนื่องด้วยจำนวนผู้ลงคะแนนผ่านทางไปรษณีย์มีจำนวนมหาศาลที่เป็นผลมาจากวิกฤตไวรัสโคโรนา


· CNBC เตือน อย่าคาดหวังการประกาศผลแข่งขันเร็วเกินไป ท่ามกลางรัฐมิชิแกน, เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซินที่ยังอยู่ระหว่างการนับคะแนน และด้วยอาจต้องใช้เวลาจนถึงช่วงปล่ยสัปดาห์นี้จึงจะทราบผลอย่างเป็นทาง


· “ทรัมป์” พยายามกล่าวอ้างถึงชัยชนะของเขา แม้ว่าการนับคะแนนบัตรที่ส่งไปรษณีย์จะยังอยู่ในกระบวนการนับคะแนนในหลายรัฐ


· ไบเดนเองก็คาดว่าเขาน่าจะชนะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป


· เลือกตั้งปธน. สหรัฐฯยังไม่รู้ผล | “ไบเดน” เริ่มมีคะแนนพลิกกลับมานำในรัฐสำคัญทางมิดเวสเทิร์น

โดยพบว่า นายไบเดน มีคะแนนนำเชือเฉือนกันไม่มากนักในรัฐวิสคอนซินและมิชิแกน ซึ่งทั้ง 2 รัฐนี้เคยเป็นคะแนนเสียงสำคัญที่ทำให้นายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 ท่ามกลางการลงคะแนนผ่านไปรษณีย์ที่เพิ่มขึ้นจากวิกฤตไวรัสโคโรนา

นอกจากนี้ รัฐเนวาดาที่ตอนแรกนายไบเดนมีคะแนนตามนายทรัมป์ ก็สามารถพลิกกลับมานำอีกครั้ง ซึ่งหากนายไบเดนแตะ 270 คะแนนเสียงได้ก่อนก็จะจบเกมส์ และทำให้เขาเป็นผู้นำของทำเนียบขาวคนต่อไป

อย่างไรก็ดี นายทรัมป์ก็ยังมีลุ้นได้รับชัยชนะจาก 3 รัฐข้างต้นเช่นกัน เนื่องจากรัฐสำคัญข้างต้นยังไม่ได้ประกาศผลอย่างเป็นทางการ


· CNBC คาดไบเดนเอาชนะในรัฐมิชิแกนได้ ขณะที่เวลานี้เขาเหลือเพียงคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College Vote) อีก 17 คะแนนก็จะเป็นฝ่ายชนะ

โดยหากชนะในรัฐมิชิแกนได้ นายไบเดนจะได้รับคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียงไปครอง

ขณะที่ภาพรวมคะแนนล่าสุดดุเหมือนนายไบเดนจะพลิกเกมส์เอาชนะใน 2 รัฐใหญ่อย่างมิชิแกนและวิสคอนซินได้ ซึ่งเป็น 2 รัฐที่เคยสนับสนุนนายทรัมป์ในการเลือกตั้งปี 2016


· ADP เผยจ้างงานเอกชนแย่กว่าคาด พบสัญญาณชะลอการเติบโตในเดือนต.ค. ที่พบการจ้างงานล่าสุดเพิ่มขึ้นเพียง 365,000 ตำแหน่ง เพราะได้รับผลพกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

· ประธานาธิบดีจีน เผยจะเร่งเจรจาการค้ากับอียู, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า จะเร่งเจรจาทางการค้่ตามแผนการสนับสนุนบทบาททางการค้าโลก ดังนี้

- การลงนาม “ความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภูมิภาค (RCEP)”

- สนธิสัญญาการลงทุน “จีน-อียู”

- ข้อตกลงการค้าเสรี “จีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้”

อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงของเขา ปราศจากการกล่าวถึงประเด็นความตึงเครียดกับสหรัฐฯ ที่ยังดำเนินต่อไป


· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 30.90-31.10 บาท/ดอลลาร์ ตลาดยังคงจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นสำคัญ ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศนั้นเริ่มคลี่คลาย หากมีผลกระทบก็อยู่ในวงจำกัด


· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนช่วง 9 เดือนของปี 63 (ม.ค.-ก.ย.) มีจำนวน 1,098 โครงการ เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 1,088 โครงการ ด้านมูลค่าเงินลงทุนอยู่ที่ 223,720ล้านบาท ลดลง 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 262,470 ล้านบาท ล่าสุดบอร์ดบีโอไออนุมัติ 6 โครงการใหญ่ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 35,678 ล้านบาท

- คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนหลายด้าน โดยเปิดประเภทกิจการให้การส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติม ได้แก่ กิจการโรงพยาบาลผู้สูงอายุ กิจการดูแลผู้สูงอายุ และกิจการวิจัยทางคลินิก พร้อมทั้งเปิดให้การส่งเสริมรอบใหม่อีก 2 ประเภทกิจการ คือ กิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และกิจการศูนย์จัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลก รวมทั้งขยายเวลาและปรับมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการให้สอดคล้องกับสภาพการแข่งขันในปัจจุบัน

- คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 น่าจะฟื้นตัวได้ต่อไปสำหรับทั้งปี 2563 กกร.คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะหดตัวในกรอบ -9.0% ถึง -7.0% ขณะที่คาดว่าการส่งออกจะหดตัวในกรอบ -10.0% ถึง -8.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ในกรอบ -1.5% ถึง -1.0% หลังประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมในต่างประเทศ การส่งออกในเดือนกันยายนปรับตัวดีขึ้นมาก

- นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในหนังสือเรื่อง ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. .... โดยได้เสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว พร้อมด้วยบันทึกหลักการและเหตุผล บันทึกวิเคราะห์ สรุปสาระสำคัญและเอกสารเกี่ยวกับการดำเนินการตามมาตรา 77ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยถึงประธานรัฐสภาเพื่อให้นำเสนอต่อรัฐสภาพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไปแล้ว

- นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของผลการเลือกตั้ง โดยถึงแม้ว่าทั้งทรัมป์ และโจ ไบเดน คู่ชิงจากพรรคเดโมแครต ต่างก็ออกมาอ้างชัยชนะแต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ชนะ


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com