อดีตเจ้าหน้าทีเจรจาการค้าระดับสูงของทำเนียบขาว ระบุว่า ความตึงเครียดของจีนที่ดำเนินไปในเวลานี้ ท่ามกลางผลคะแนนเลือกตั้งที่ถึงแม้ “นายไบเดน” จะมีคะแนนนำ “นายทรัมป์” แต่เมื่อพิจารณาถึง "แนวทางการดำเนินการด้านความสัมพันธ์กับจีน” ดังนี้
กรณีนายไบเดนชนะ vs จีน
- ยังมีข้อกำหนดทางการเมืองกับจีน
- ไม่มีแนวโน้มจะลดท่าทีตึงเครียดที่นายทรัมป์ได้ดำเนินการไว้ที่ผ่านมา
- มีท่าทีแข็งกร้าวน้อยกว่านายทรัมป์
- ไม่มีการทวิเตอร์ประกาศเรื่องการเพิ่มภาษีในช่วงกลางดึก แต่ก็ไม่มีการปรับเพิ่มหรือลดจากระดับเดิม
- มีแนวโน้มจะกลับเข้าร่วมข้อตกลงการค้า TPP (แต่ประเด็นนี้นายไบเดนเอง “อาจเผชิญกับเสียงค้านในสภาคองเกรส”) แต่การจะกลับเข้าร่วมนั้นนายไบเดนต้องการเจรจาใหม่เพื่อพิจารณาถึงข้อตกลงก่อนจะกลับเข้าร่วม
>> ดังนั้น จีนจึงต้องเผชิญกับข้อเท็จจริงกรณีที่นายไบเดนได้รับชัยชนะครั้งนี้ <<
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ถูกทำลายลงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากประเด็น
- สงครามการค้า (Trade War)
- สหรัฐฯออกมาตรการคว่ำบาตรกับบริษัทจีน
- สหรัฐฯให้การสนับสนุนประเทศไต้หวันและอินเดีย
กรณีนายทรัมป์ชนะ vs จีน
ตลาดวาระการดำรงตำแหน่งของนายทรัมป์ และทีมบริหารของนายทรัมป์ มีการตำหนิจีนอยู่เสมอเรื่อง “การปฏิบัติตัวที่ไม่ยุติธรรมทางการค้า”, การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และล่าสุดเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนา
แต่การกลับมารับตำแหน่งสมัยที่ 2 ก็มีโอกาสที่จะเห็นถึง การที่สหรัฐฯวิตกกังวลต่อเรื่องข้อตกลงการค้า “เฟสแรก” กับจีน ที่ลงนามกันไปเมื่อช่วงต้นปี เพื่อช่วยระงับ Trade War ที่เกิดขึ้นมานานกว่า 18 เดือน และผลักดันให้จีนต้องดำเนินการอย่างจริงจังในเรื่องการสร้างแผนเกี่ยวกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และการเข้าซื้อสินค้าจากสหรัฐฯเพิ่ม ทั้งในกลุ่มการผลิต, พลังงาน และสินค้าเกษตร รวมทั้งสินค้าบริการ เป็นระยะเวลา 2 ปี