• “Stocks” vs “Safe Haven” ระหว่างหุ้น-ทองคำ-พันธบัตร เข้าลงทุนอะไรช่วงทราบผลเลือกตั้ง

    6 พฤศจิกายน 2563 | Gold News
  
หุ้น, ทองคำ หรือพันธบัตรดีกว่า?

ในช่วงทราบผลเลือกตั้งก็จะพบว่าตลาดยังมีความผันผวนตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา (3 พ.ย.) ส่งผลกดดันเทรดเดอร์ว่าจะลงทุนหุ้นหรือสินทรัพย์ปลอดภัยดีกับความเป็นไปได้ของผลลัพธ์การเลือกตั้ง

3 พ.ย. 2020: หุ้นและพันธบัตร
- ปรับตัวสูงขึ้น แม้คะแนนเลือกตั้งจะยังสูสีกันอย่างมาก
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเคลื่อนไหวสวนทางในทิศทางการปรับตัวลง นำโดย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10ปี ทำระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์

ทองคำปรับขึ้นในสัปดาห์นี้ จาก
1. โอกาสที่รีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาลดลง
2. ความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นว่า “รีพับลิกัน” จะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา และ “เดโมแครต” ชนะตำแหน่งประธานาธิบดี
3. ความวิตกกังวลจากข้อที่ 2 ที่อาจนำมาซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงินที่น้อยกว่าคาดการณ์

นาย Steve Chiavarone ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการพอร์ตการลงทุน, นักกลยุทธ์ตลาดหุ้น และรองประธานจาก Federated Hermes ให้สัมภาษณ์กับ CNBC โดยระบุว่า ตลาดพันธบัตรดูจะตอบรับกับการเกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยลง และนี่คือเหตุผลที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี ปรับตัวลง

ขณะที่ตลาดหุ้นให้ความสนใจกับแนวโน้มระยะยาวที่จะปราศจากการเปลี่ยนแปลงมาตรการหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการภาษี และการแก้ไขข้อกำหนดศาลต่างๆ

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ทั้งหมดนี้เรากำลังพูดถึงเรื่อง “เศรษฐกิจ” และเศรษฐกิจสหรัฐฯยังอยู่ในสภาวะฟื้นตัว ซึ่งจริงๆแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับ “ สินทรัพย์เสี่ยง” และน่าจะดีต่อไปเรื่อยๆกับกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงจากสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปหลังจบการเลือกตั้งในช่วงอีก 2-3 วันจากนี้

นาย Matt Maley หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Miller Tabak เห็นด้วยกับนาย Chiavarone ว่า หุ้นมีความน่าลงทุน โดยเฉพาะช่วงสิ้นปีนี้ โดยในช่วง 6 สัปดาห์สุดท้ายของปีที่มีการเลือกตั้งมักจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นอยู่เสมอ

ขณะที่ทองคำอาจมีการชะลอตัวและผกผันกับการเคลื่อนไหวของดอลลาร์ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกับทองก็คือ “ดอลลาร์” และในเวลานี้ดอลลาร์ก็ยังมีการถือครอง Short ไว้จำนวนมาก

จึงเป็นเรื่องยากที่จะเห็นดอลลาร์อ่อนค่า และทองคำปรับขึ้นในระหว่างนี้จนถึงสิ้นปี

แต่ระยะยาว “แนะนำให้ลงทุนในทองคำ” เนื่องจากมีแนวโน้มว่าดอลลาร์จะอ่อนค่าต่อ และช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้

*** โดยจะเห็นได้จากกราฟด้านล่าง ที่ระบุให้เห็นถึงระดับสำคัญที่ต้องจับตาในทองคำ หลังจากที่วันพุธที่ผ่านมา (3 พ.ย.) ราคาทองคำปรับลงมาประมาณ 1% แถว 1,898.5 เหรียญ ***



นอกจากนี้ เขายังระบุว่า แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมองว่าแนวโน้มของทองเป็นการเคลื่อนไหวในแพทเทิร์น Descending Triangle ในระยะสั้นๆ ที่คาดทองคำน่าจะไปแตะ 1,960 เหรียญ และจากนั้นจะไปที่ 2,000 เหรียญ

ทั้งนี้ หากทองคำ Break ระดับ 2,000 เหรียญได้ จนเข้าสู่ปีหน้า ก็คาดว่าจะเป็นการสร้างขาในทิศทางขาขึ้น (Leg Higher) จึงคาดการณ์ว่า “ระยะยาวทองคำเป็นขาขึ้น” แต่ในเวลานี้เขาแนะนำให้เลี่ยงการเข้าลงทุนขาขึ้นออกไปก่อน

ที่มา: CNBC

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com