· Federated Hermes คาด ภาวะทางการเมืองจะช่วยหนุนให้ "หุ้นสหรัฐฯทำ New Highs"
นายฟิล ออแลนโด หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายตลาดหุ้นจาก Federated Hermes เผยว่า ทางบริษัทมีการเพิ่มการถือครองสินทรัพย์มากถึง 3% จาก 2% หลังทราบผลเลือกตั้งที่ดูน่าจะเป็นปัจจัยบวกในเวลานี้
เนื่องด้วยสภาวะความเสี่ยงของ "Blue Wave" ในเวลานี้ โดยทางบริษัทมีการลดการถือเงินสดเพิ่มและกลับไปลงทุนแทน เนื่องจากมองว่า "นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมจะถือครองเพื่อรอราคาปรับขึ้น" เนื่องจากมองว่าปัจจัยต่างๆดูจะดีขึ้นและนั่นจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าภาวะทางการเมืองและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ ดัชนี S&P500 ปรับขึ้นไปได้ไม่น้อยกว่า 3,800 จุด ภายในระยะเวลา 1 ปี หลังจากที่ล่าสุดดัชนปิดประมาณ 3,509 จุด อยู่ห่างจากที่เคยทำ All-Time High ไว้ประมาณ 2%
· ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งเกือบ 400 จุด หลังไบเดนชนะเลือกตั้ง
- ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ปรับขึ้น 390 จุด หลังจากที่ช่วงเปิดตลาดปรับขึ้นมาแล้ว 375 จุด
- ดัชนี S&P500 ฟิวเจอร์ส และ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ก็ปรับขึ้นมาเคลื่อนไหวแดนบวกได้ทั้งคู่
· ความต้องการสินทรัพย์เพิ่มขึ้นหลังชัยชนะของนายโจ ไบเดน ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลง
ตลาดหุ้นและราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอยู่ในทิศทางอ่อนค่า ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าการดำเนินนโยบายของนายไบเดนอาจไม่ราบรื่นนัก และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางข้อกฎหมายได้เพียงเล็กน้อย รวมทั้งนโยบายการกระตุ้นทางการเงินที่มากขึ้นช่วยหนุนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง
ด้านผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Nuvest Capital กล่าวว่า ประเด็นของนายทรัมป์และนายไบเดนเป็นที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่ตลาดก็มีปฏิกิริยาอย่างรุนแรงต่อพรรคเดโมแครตไม่สามารถครองเสียงในสภาได้ จึงทำให้จะผลักดันอะไรลำบาก ตลาดจึงคาดว่าเฟดน่าจะต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยระดับต่ำเป็นเวลาที่ยาวนานมากขึ้น ขณะที่โอกาสที่ดีที่สุดตอนนี้อยู่ในกลุ่มของตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะจีนและเอเชียเหนือ
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 1.4% ที่ระดับ 614.73 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2018
· ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 29 ปี หลังชัยชนะของนายไบเดน โดยดัชนี Nikkei ปิด +2.12% ที่ระดับ 2,4839.84 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. ปี 1991 ที่ผ่านมา ด้านดัชนี Topix +1.41% ที่ระดับ 1,681.90 จุด
· หุ้นยุโรปเพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางชัยชนะตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของนายโจ ไบเดน
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากชัยชนะตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของนายโจ ไบเดน
โดยดัชนี Stoxx600 พงุ่ขึ้น 1.5% ด้านหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและการพักผ่อนพุ่ง 2.9% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,291.07 จุด เพิ่มขึ้น 30.99 จุด (+2.46%) มูลค่าการซื้อขายราว 45,853.09 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยทำระดับสูงสุดที่ 1,293.90 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,277.52 จุด
- เงินบาทเปิด 30.48 - 30.52 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่ามากสุดรอบ 10 เดือนตามภูมิภาค หลังดอลลาร์อ่อนค่า จากระดับปิด 30.60 บาท/ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นักบริหารการเงิน ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า เนื่องจาก
- นายไบเดนได้รับชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
- ดอลลาร์อ่อนค่าจากแรงขายทำกำไร และคาดการณ์ที่ว่านายไบเดนจะมีการผ่อนคลายนโยบายครั้งใหญ่
- การซื้อตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างประเทศ 2.3 หมื่นล้านบาทหลังทราบผลเลือกตั้ง
- ธปท. พบแบงก์มียอดปฏิเสธสินเชื่อ Q3/63 ภาคเหนือหนักสุด 40-50%
- ธ.กรุงไทย ยอมรับปล่อกู้เข้มงวดขึ้นตาม
- กรุงศรี หวั่นลูกค้ามีหนี้เกินตัวจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่ภาพรวมการปล่อยกู้บ้านใหม่ติดลบสองหลัก
- ธ.ทหารไทย คาด NPL สิ้นปีอยู่ที่ 4.35% คิดเป็นมูลค่า 1.1 แสนล้าน
- CPF คาด ไบเดนมาอาจเห็นการกลับมาเจรจาข้อตกลง CPTPP ได้
อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้ต้องระมัดระวังปัญหาการเมือง หรือการที่นายทรัมป์ไม่ยอมแพ้ จึงมีโอกาสกดดันตลาดทุนให้เกิดแรงขายทำกำไรหลังจากที่ปรับขึ้นแรงในสัปดาห์ก่อน
ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ไม่ได้น่าสนใจมากนัก