ทองคำขยับขึ้นกว่า 1% จับตาแนวทางผ่อนคลายทางการเงิน
· ราคาทองคำเมื่อวานนี้ปรับขึ้นได้กว่า 1% ท่ามกลางตลาดที่ให้ความสนใจกับแนวโน้มการเพิ่มการกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อฟื้นคืนเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19
· ราคาทองคำตลาดโลกปิด +1.1% ที่ 1,881.39 เหรียญ
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.7% ที่ระดับ 1,877.8 เหรียญ
· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,249.79 ตัน
· ในวันจันทร์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลดลงไปกว่า 5.2% หลังจากที่บริษัท Pfizer เผยคืบหน้าทดลองวัคซีนให้ผลดีกว่า 90%
· หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก National Australia Bank กล่าวว่า ธนาคารกลางต่างๆ ไม่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินในระยะสั้นและระยะกลาง ท่ามกลางการพัฒนาวัคซีนที่ต้องใช้ระยะเวลามากกว่านี้ รวมทั้งรอการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ, เงินเฟ้อ และตลาดแรงงาน
โดยหากเงินเฟ้อสามารถปรับขึ้นได้ตามคาด ก็น่าจะเป็นผลมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นอันเนื่องจากวัคซีน Covid-19 และทั้งหมดนี้จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนแท้ในระยะยาวถูกจำกัด ซึ่งจะเป็นผลดีต่อราคาทองคำ
· FXEmpire คาด Gold Comex จะขึ้นได้ต้องยืนเหนือ 1,889.70 เหรียญ แต่หากต่ำกว่า 1,842.60 เหรียญจะถูกกดดันในภาวะขาขึ้น
แนวโน้มระยะสั้น มองว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,842.60 – 1,889.70 เหรียญ
มุมมองขาขึ้น หากยืนเหนือ 1,889.7 เหรียญ จะส่งสัญญาณหนุนกำลังซื้อกลับเข้าตลาดอีกครั้ง และมีโอกาสหนุนให้ราคากลับขึ้นแถว 1,907 เหรียญ และหากผ่านไปได้ก็น่าจะปรับขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายที่ระดับแนวต้านถัดไปที่ 1,966 – 1,970.10 เหรียญ
มุมมองขาลง หากราคาทองคำอยู่ต่ำกว่า 1,848 เหรียญ ก็จะส่งสัญญาณให้เกิดแรงเทขายตามมา และมีโอกาสปรับตัวลดลงหาเป้าหมาย 1,819.3 เหรียญ และ 1,788.30 เหรียญ รวมถึง 1,772 เหรียญได้ และหากหลุดแนวรับสำคัญตัวสุดท้ายลงมาก็จะดิ่งลงต่ออย่างรวดเร็วมีโอกาสทดสอบต่ำสุดเดิมเมื่อ 5 มิ.ย. ที่ 1,690.10 เหรียญ
· ยอดติดเชื้อ Covid-19 รวมทั่วโลกทะลุ 51 ล้านราย ล่าสุด 51.79 ล้านราย ขณะที่เสียชีวิตรวม 1.278 ล้านราย
· ยอดติดเชื้อในสหรัฐฯรวมสะสม 10.55 ล้านราย และเสียชีวิตรวมกว่า 245,794 ราย
· บราซิลติดเชื้อ Covid-19 ทะลุ 5.7 ล้านราย และมียอดเสียชีวิตสูงกว่า 162,800 ราย
· Reuters ชี้ ไบเดนดูจะนำมาซึ่งความก้าวหน้าในด้านสหภาพแรงงาน, การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ, การค้า และการเงิน
· นายไบเดน จะเริ่มดำเนินนโยบายสุขภาพเป็นเรื่องแรก พร้อมเรียกร้องขยาย Obama Care
โดยเขาและนางแฮริส ว่าที่รองประธานาธิบดีของเขาจะเริ่มดำเนินนโยบายดังกล่าวในวันเข้าพิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบให่แก่ประชาชนและครอบครัวของพวกเขา
· รายงานจาก Reuters ชี้ ผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ไม่น่าจะสามารถยับยั้งการปฏิรูปแผนสุขภาพ Obamacare ได้
· “มิทช์ แมคคอนเนล” ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐฯ จะสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่น้อยกว่าข้อเสนอก่อนหน้า และให้ครอบคลุมกับการจัดสรรร่างงบประมาณให้ได้ก่อนสิ้นปี
· ไบเดน ชี้ นี่เป็นช่วงเวลาที่ลำบากใจต่อ “ทรัมป์” กับการไม่ยอมรับการถ่ายโอนอำนาจภายใต้การเปลี่ยนแปลง
นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ทีมบริหารของนายทรัมป์ทำการปฏิเสธที่จะเริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจบริหาร ซึ่งเขามองว่าถึงจะทำเช่นนี้ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความสามารถที่เขาจะทำได้ และทีมบริหารของเขาก็พร้อมจะเริ่มรับมอบการดำเนินการต่อภายใต้แนวทางตามกฎหมาย
· ไบเดนย้ำไม่มีอะไรจะหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้ แม้นายทรัมป์ลั่นจะดำเนินการด้วยข้อกฎหมายใหม่
· “ไมค์ ปอมเปโอ” รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เมินชัยชนะไบเดน อ้างถึงการจะเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นภายใต้สมัย 2 ของนายทรัมป์ ท่ามกลางการนับคะแนนทั้งหมดที่ยังดำเนินไปในเวลานี้
อย่างไรก็ดี นายปอมเปโอ ไม่ได้ให้ความชัดเจนต่อการกล่าวอ้างถึงการดำรงตำแหน่งสมัย 2 ของนายทรัมป์
· “แมคคอนเนล” ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐฯ ไม่คาดว่าจะมีอะไรมาขัดขวางการเปลี่ยนแปลงการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯได้