• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563

    12 พฤศจิกายน 2563 | Gold News

ดอลลาร์แข็ง ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่ม กดดันทองคำ

· ราคาทองคำปรับตัวลงมากกว่า 1.1% เมื่อวานนี้ ก่อนจะปิด -0.7% ที่ 1,864.39 เหรียญ โดยได้รับผลกระทบจากการกลับมาแข็งค่าของดอลลาร์ที่เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ ประกอบกับนักลงทุนตอบรับข่าวคืบหน้าวัคซีนที่จะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้น จึงทำให้ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น

· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -0.8% ที่ 1,861.6 เหรียญ

· นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า 2 ปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำในเวลานี้ คือ “ความแข็งแกร่งของตลาดหุ้น” และ “การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์” จึงถือเป็นเรื่องยากที่จะเห็นทองคำฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ จากการที่ 2 ตลาดนี้กำลังปรับตัวสูงขึ้น และจะเห็นได้ว่าทองคำมีการปรับตัวลดลงหลังจากที่ตลาดไม่ได้สนใจต่อข่าวเลือกตั้งต่อ และกลับมาติดตามข่าวคืบหน้าวัคซีนแทน

อย่างไรก็ดี ความท้าทายในเรื่องการจัดส่งวัคซีนก็ยังถือเป็นไฮไลท์เด่นต่อตลาดในเวลานี้เช่นกัน

· นักวิเคราะห์จาก OANDA มองว่า แม้ตลาดจะตอบรับข่าววัคซีนในช่วง 2-3 วันมานี้ และกดดันให้ทองคำปรับตัวลดลง แต่ราคาก็ยังทรงตัวได้ไม่หลุดกรอบ 1,850 – 1,860 เหรียญ แต่แนวโน้มในระยะสั้นดูจะค่อนข้างผันผวนอย่างมาก ขณะที่ “ระยะยาวทองคำยังเป็นขาขึ้น” แต่ก็น่าจะต้องใช้เวลาในการค่อยๆปรับขึ้น ท่ามกลางบรรดาธนาคารกลางและภาครัฐบาลต่างๆยังคงให้การสนับสนุนเศรษฐกิจ

· ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ว่า สมาชิกเฟดส่วนใหญ่ยังคงเรียกร้องถึงความจำเป็นที่สภาคองเกรสต้องมีการเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ

· ราคาซิลเวอร์ปิด -0.1% ที่ 24.24 เหรียญ

· ราคาแพลทินัมปิด -0.2% ที่ 865.28 เหรียญ

· ราคาพลาเดียมปิด -5.6% ที่ 2,316.2 เหรียญ

· รายงานยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกล่าสุดรวมสะสมเกินกว่า 52.39 ล้านราย และมียอดเสียชีวิตรวมใกล้ 1.3 ล้าน ล่าสุดมียอดเสียชีวิตสะสมสูงกว่า 1.288 ล้านราย

ยอดติดเชื้อในสหรัฐฯก็ยังคงปรับขึ้นต่อเนื่องล่าสุดอยู่ที่ 10.68 ล้านราย และมีอัตราการเสียชีวิตสะสมโดยรวมใกล้ 250,000 ราย

· รัฐนิวยอร์กประกาศเคอร์ฟิวส์ ร้านอาหาร,บาร์ และโรงยิม หลังสถานการณ์ระบาดในสหรัฐฯย่ำแย่หนัก

· ที่ปรึกษาด้าน Covid-19 ชี้ “Lockdown 4-6 สัปดาห์” จะสามารถช่วยคุมการระบาดและให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวได้

· ประธานเฟดสาขาบอสตัน ชี้ อีก 6 เดือนข้างหน้า เศรษฐกิจก็จะยัง "ฟื้นตัวได้ไม่ค่อยมั่นคง" แม้จะมีข่าวคืบหน้าวัคซีน

นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวว่า ในอีก 6 เดือนข้างหน้า ก็จะยังคงประสบภาวะผันผวนอยู่ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

· รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเยอรมนี มองว่ายังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าการ Lockdown จะต้องมีการขยายเวลาออกไป

· ประธานอีซีบี เตือน แม้วัคซีนมีผลเชิงบวกแต่อีซีบีจะเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงได้รับผลกระทบแม้จะมีวัคซีน Covid-19 ที่ช่วยหนุนในเชิงบวก แต่พวกเราก็ยังเผชิญกับการระบาดอย่างรวดเร็วและการใช้มาตรการคุมเข้มมากขึ้นจนกว่าวัคซีนที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานจะบรรลุผล

ถ้อยแถลงของนางคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบี สะท้อนว่าอีซีบีมีแนวโน้มจะทำการปรับลดดอกเบี้ยต่อไป ควบคู่กับโครงการเข้าซื้อพันธบัตร

· นักวิเคราะห์จาก UBS ชี้ การที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจากวัคซีน "เป็นเพียงภาพลวงตา" เนื่องจากยังจำเป็นต้องใช้เวลาก่อนที่เศรษฐกิจโลกจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้เทียบเท่าช่วงก่อนการระบาดของไวรัสโคโรนา

· นักเศรษฐศาสตร์จาก Northern Trust เตือน วัคซีน Covid-19 ไม่ใช่ผลลัพธ์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯได้อย่างทันที

เนื่องด้วยเศรษฐกิจยังจำเป็นต้องได้รับแรงสนับสนุนครั้งใหญ่ทางการเงินเพื่อช่วยฟื้นคืนสภาวะย่ำแย่ในเวลานี้ และถึงแม้ตลาดส่วนใหญ่ทั่วโลกจะตอบรับข่าวดีจากการที่บริษัท Pfizer เผยผลทดสอบวัคซีนที่มีประสิทธิภาพกว่า 90% แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานใดประกอบว่ากลุ่มผู้ทดสอบเหล่านี้มีอาการติดเชื้อมาก่อน

นอกจากนี้ ถึงจะมีข่าวดีเรื่องวัคซีนและการขยายตัวของภาคแรงงานสหรัฐฯในเดือนต.ค.

*** แต่ทั้งหมดนี้ไม่อาจช่วยลดความจำเป็นที่จะต้องเกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ***

· วัคซีนจาก Pfizer และ BioNTech เผชิญกับความท้าทายด้านโลจิสติกส์ทั่วโลก

เนื่องด้วยตัวยาจำเป็นต้องถูกเก็บในคลังที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า -70 องศาเซลเซียส (-94 องศาฟาเรนไฮต์) ท่ามกลางการหาตู้เก็บวัคซีนขนาดใหญ่ในการเก็บวัคซีนจำนวนมากในหลายๆพื้นที่ ประกอบวัคซีนมีอายุการใช้งานเพียง 5 วัน และนี่อาจกลายมาเป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับการขนย้ายวัคซีน Covid-19

· CEO บริษัท Pfizer ขายหุ้น 5.6 ล้านเหรียญ หลังบริษัทประกาศความคืบหน้าวัคซีนและมูลค่าหุ้นทะยานขึ้นอย่างมาก

· รัสเซีย เผย วัคซีน Sputnik V COVID-19 ได้ผลดี 92%

เจ้าหน้าที่ผู้จัดการกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซีย ระบุว่า วัคซีน Sputnik V ของรัสเซียมีประสิทธิภาพ 92% ในการป้องกันไวรัสโคโรนาได้ ขณะที่กำลังเร่งติดตามผลของผู้ผลิตยาเพื่อที่จะได้ใช้งาน

· รัฐจอร์เจีย ประกาศนับผลคะแนนใหม่ “ท่ามกลางผลนายไบเดนนำทรัมป์” โดยรัฐจอร์เจีย ร่วมกับบรรดาเจ้าหน้าที่จะร่วมกันนับผลคะเเนนใหม่ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเส้นตายวันที่ 20 พ.ย. เพื่อยืนยันผลคะแนนการเลือกตั้งของรัฐจอร์เจีย

· อัยการศาลสูงสุดสหรัฐฯ ชี้ “ไม่มีแนวโน้มอย่างมาก” ที่จะเห็นทรัมป์ชนะเลือกตั้งในรัฐแอริโซนา ประกอบกับการปราศจากหลักฐานการโกงคะแนนเลือกตั้ง

· Reuters เผย นายทรัมป์ยังหาทางต่อสู้ทางกฎหมายอย่างหนักเพื่อโค่นชัยชนะของไบเดน

· “ทรัมป์” พบที่ปรึกษาการเลือกตั้งระดับสูง เพื่อหาโอกาสพลิกกลับมาชนะเลือกตั้งอีกครั้ง

NBC News รายงานว่า จากการพบกันดังกล่าว ส่งผลให้ทีมที่ปรึกษามีคาดการณ์กันมากขึ้นว่านายทรัมป์จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ใดๆให้แก่นายไบเดน แม้ว่าคะแนนเลือกตั้งจากบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์จะได้รับการยืนยันผลในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้


· ไอเอ็มเอฟจับตาการฟื้นความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีกครั้งหลังจากที่ “นายไบเดน” ชนะเลือกตั้ง

· กลุ่มนักลงทุนกลับไปเพิ่มการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ หลังทราบชัยชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ - คืบหน้าวัคซีน


· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.10 - 30.40 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทค่อนข้างแกว่งตัว แต่ยังเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบ โดยแนวโน้มมีโอกาสจะแข็งค่าได้ต่อ เนื่องจากช่วงนี้มีเงินไหลเข้าค่อนข้างมาทางฝั่งตลาดหุ้นไทย ประกอบกับตลาดยังรอดูสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯและจับตาดูวง เงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่จะนำมาใช้ดูแลเรื่องไวรัสโคโรนา

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- รมว.คลัง เผยเตรียมพิจารณามาตรการคนละครึ่งเฟส 2 เพื่อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชนและร้านค้า โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ต้นปี 64 เพื่อให้ต่อเนื่องกับโครงการในเฟส 1 ที่จะครบกำหนดในวันที่ 31 ธ.ค.63 อันจะเป็นการรักษาระดับการบริโภคของประชาชนและกระจายรายได้ไปยังร้านค้าย่อยได้ต่อเนื่อง โดยระหว่างนี้กำลังพิจารณาว่าจะมีการ เพิ่มจำนวนผู้ได้รับสิทธิให้มากขึ้น หรือเพิ่มวงเงินใช้จ่ายให้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปภายในเดือนธ.ค.นี้

- รมว.คลัง กล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าในช่วงนี้ว่า กระทรวงการคลังได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยกำชับให้ดูแลนโยบายการเงินให้สอดคล้องกับนโยบายการคลัง แม้ว่าเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแล้ว มีการติดลบน้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ แต่มาตรการด้านการเงินและมาตรการด้านการคลังต่าง ๆ ก็ยังมีความสำคัญ ทั้งเรื่องการช่วยเหลือ SMEs การลดอัตราดอกเบี้ย และการบริหารอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อช่วยเหลือภาคการส่งออก

- สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล คาดอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยและบิ๊กดาต้าเติบโตต่อเนื่อง โดยประเมินว่า ปี 63 อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์จะขยายตัวขึ้นอีก 10.1% คิดเป็นมูลค่าอุตสาหกรรมรวม 34,229 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนมาจากตลาดเกมที่คาดว่ามีอัตราการเติบโตสูงขึ้นมากในช่วงของวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com