• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563

    12 พฤศจิกายน 2563 | Economic News
 

· ดอลลาร์ทรงตัวในทิศทางแข็งค่า ท่ามกลางนักลงทุนลดความสนใจวัคซีน


ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางนักงทุนที่ลดมุมมองเชิงบวกต่อวัคซีน Covid-19 ขณะที่ค่าเงินกีวีแข็งค่าไปเกือบ 20 เดือน จากโอกาสที่ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ไม่มีแนวโน้มจะใช้ดอกเบี้ยติดล

ดัชนีดอลลาร์วันนี้ขึ้นมาแถว 93.004 จุด หลังจากที่ช่วงต้นตลาดทำต่ำสุดบริเวณ 92.924 จุด

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวหลังจากที่ปรับขึ้นได้ในตลาดเอเชียประมาณ 0.8%

ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงจากการเจรจาระหว่างอังกฤษและอียูที่ดูจะยืดเยื้อออกไปจากกำหนดเส้นตาย จึงคาดว่าน่าจะไม่เกิดข้อตกลงการค้าได้ตามที่ตกลงจะยุติการจัดการเรื่องการเปลี่ยนผ่าน Brexit 31 ธ.ค.

ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย 2% ที่ 105.28 เยน/ดอลลาร์ แต่ก็ยังอยู่ต่ำกว่าระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 8 เดือนที่ทำไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าและเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1.18 ดอลลาร์/ยูโร โดยได้รับแรงกดดันจากการที่ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจเยอรมนีหั่นคาดการณ์จีดีพีปี 2021

ANZ คาดว่า อัตราดอกเบี้ยของนิวซีแลนด์จะอยู่ต่ำกว่าศูนย์ในเดือนส.ค. ปี 2021 แต่ ณ เวลานี้ ก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า น่าจะไม่มีการใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบ

· รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ หาวิธีแก้ไขปัญหาร่วมกับ ByteDance จากความกังวลเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ ตั้งแต่การใช้แอพลิเคชันทางด้านสื่อ Social Media อย่าง Musical.ly ตลอดดจนแอพลิเคชันยอดนิยมอย่าง TikTok


· นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์ร่วมกับผู้นำประเทศออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้


· ไบเดนมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาวิกฤต Covid-19 ขณะที่นายทรัมป์มุ่งหาวิธีต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อยึดชัยชนะกลับมา


· บริษัท Johnson Associats Inc เผย แรงงานส่วนใหญ่ในสหรัฐฯคาดจะได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ที่ส่งผลต่อเศรษกิจและทำให้แรงงานได้รับโบนัสลดลงในปีนี้


· รัฐเท็กซัสยอดติดเชื้อทะลุ 1 ล้านราย ขณะที่ยอดติดเชื้อรายวัันของสหรัฐฯยังมีค่าเฉลี่ยสูงสุดเป็นประวัติการณ์

รัฐเท็กซัสในสหรัฐฯ กลายเป็นแห่งแรกในสหรัฐฯที่มียอดติดเชื้อสะสมทะลุ 1 ล้านราย ซึ่งรัฐเท็กซัสถือเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดเป็นลำดับที่ 2 ของสหรัฐฯ โดยมีรายงานยอดผู้ติดเชื้อนับตั้งแต่ช่วงที่เริ่มต้นการระบาด ดังนี้

- รัฐเท็กซันมียอดติดเชื้อสะสม 1,010,364 ล้านราย

- รัฐแคลิฟอร์เนียมียอดติดเชื้อสะสม 991,162 ราย

- รัฐฟลอริดามียอดติดเชื้อสะสม 852,174 ราย

สำหรับรัฐนิวยอร์กซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของสหรัฐฯ มีอัตราการเสียชีวิตไม่น้อยกว่า 33,707 ราย ตามมาด้วยรัฐเท็กซัสที่มียอดติดเชื้อไม่น้อยกว่า 19,337 ราย


· ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ เตือน การระบาด Covid-19 "จะรุนแรงมากขึ้น" และอาจทำให้จำเป็นต้องกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มด้านสุขภาพอีกครั้งในภาคธุรกิจ รวมถึงบาร์และร้านอาหารต่างๆ


· อัตราการติดเชื้อใหม่รายวันในสหรัฐฯพุ่งทำสูงสุดในรอบ 7 วัน เฉลี่ยที่ 33% สูงขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน


· สหรัฐฯเตรียมเผชิญสถานการณ์การระบาดที่ "เลวร้ายที่สุด"

CNBC เผยมุมมอง บรรดานักวิทยาการระบาด, นักวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขต่างๆ มองไปในทางเดียวกันว่าภายในอีก 2 - 3 เดือนข้างหน้า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯจะยังไม่เปลี่ยนแปลงไป แม้จะมีความคืบหน้าถึงกระบวนการรักษาหรือวัคซีน พร้อมกล่าว "เตือน" ว่า สถานการณ์ในสหรัฐฯจะยังยากลำบากออกไปในช่วง 3 - 4 เดือนข้างหน้าจากนี้ ท่ามกลางยอดติดเชื้อรายวันเฉลี่ยสูงกว่า 120,000 ราย และจำนวนผู้เสียชีวิตดูจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วงวันหยุดเทศกาล

ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ระบุว่า การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อในเวลานี้ ไม่อาจระบุได้ว่าเป็นกลุ่มที่มาจากการทดสอบเพียงอย่างเดียว เพราะภาพรวมมีจำนวนมากกว่ากระบวนการดำเนินการทดสอบ

CNBC รายงานว่า กลุ่มนักวิเคราะห์คิดเห็นว่า จำนวนยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 33% ภายในระยะเวลา 7 วัน

ดร.อาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระดับโลกจากสถาบัน Health Metrics and Evaluation ประจำมหาวิทยาลัยวอชิงตัน มองว่า สหรัฐฯกำลังจะเผชิญกับจำนวนยอดติดเชื้อที่เลวร้ายที่สุด และนี่คือช่วงเวลาที่กำลังเริ่มเข้าสู่สถานการณ์ที่ย่ำแย่ เพราะเราไม่มีวิธีการจัดการที่ดีในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา และเวลานี้เรายังเห็นจำนวนยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อช่วงฤดูหนาวเริ่มต้นขึ้น


· บริษัท Moderna คาดจะรู้ผลการทดสอบวัคซีน Covid-19 ของบริษัทว่าจะมีประสิทธิภาพหรือไม่ในช่วงสิ้นเดือนนี้

รายงานจาก CNN ระบุว่า บริษัท Moderna เสร็จสิ้นกระบวนการเก็บสะสมข้อมูลการวิเคราะห์ส่วนแรกของวัคซีน Covid-19 และคาดว่าจะทำการประกาศประสิทธิภาพของวัคซีนได้ในช่วง สิ้นเดือนนี้ หลังจากที่บริษัท Pfizer ประกาศผลทดสอบไปเมื่อวันจันทร์ พบว่ามีประสิทธิภาพสูกงว่า 90%


· อังกฤษพยายมสร้างความมั่นใจให้แก่บรรดาผู้นำภาคธุรกิจเกี่ยวกับกรณี Brexit กับข้อบังคับฉบับใหม่ ที่จำเป็นต้องหาข้อสรุปที่ชัดเจนอย่างเหมาะสมเมื่ออังกฤษก้าวออกจากอียูอย่างเป็นทางการ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่จากทางอียู - อังกฤษหารือกันก่อนจะเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน ภายในระยะเวลา 50 วัน

ทั้งนี้ อังกฤษจะออกจากอียูในช่วงเดือนม.ค. ขณะที่ทั้งสองฝ่ายพยายามทำข้อตกลงกันให้ได้ในวงเงินการค้าประจำปีมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญ ก่อนที่สถานะการจัดการช่วงเปลี่ยนผ่านจะยุติลงในวันที่ 31 ธ.ค.


· เศรษฐกิจอังกฤษในไตรมาสที่ 3 ขยายตัว 15.5% เนื่องจากเริ่มฟื้นตัวจากการตกต่ำอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ

นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Reuters คาดว่า จีดีพีจะขยายตัว 15.8% ในช่วงไตรมาสที่ 3 เกิดขึ้นหลังจากที่ดิ่งลง 19.8% อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากมาตรการ Lockdown ทั่วประเทศ


· ที่ปรึกษาเศรษฐกิจเยอรมนีหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2021

สภาที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลเยอรมนีทำการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจเยอรมนีลง เพราะถึงแม้จะเห็นการกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงก่อน แต่การระบาด Second Wave ล่าสุดก็ดูจะกดดันทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อในปีหน้า

ปี 2020 คาด จะหดตัวลง -5.1% (คาดการณ์เดิม 5.5%)

ปี 2021 คาด จะโตได้ 3.7% (คาดการณ์เดิม 4.9%)

อย่างไรก็ดี ภาพรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจยังดูจะสดใสได้มากกว่าช่วงวิกฤตทางการเงินโลกปี 2009 ที่จีดีพีเยอรมนีตอนนั้นหดตัวลงไป -5.6%

แต่ก็ยังคงต้องระมัดระวังจากการที่อียูยังไม่สามารถตกลงเรื่องกองทุนเงินฟื้นฟู 7.50 แสนล้านยูโร (8.81 แสนล้านเหรียญ) ได้


· รายงานยอดเสียชีวิตรายวันในอังกฤษพุ่งขึ้นมากสุดนับตั้งแต่ พ.ค. ที่ระดับ 595 ราย และมียอดรวมสะสมสูงกว่า 50,000 ราย ที่ 50,365 ราย


· สถาบันเซรัมของอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ เผยว่า มีการสั่งผลิตวัคซีน 40 ล้านโดสสำหรับวัคซีน Covid-19 จากทางบริษัท AstraZeneca ซึ่งอาจเริ่มต้นผลิตวัคซีนได้เช่นกัน และทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นคู่แข่งของกันและกันทั้งคู่


· นโยบายการเงินของบีโอเจดูจะมีบทบาทมากขึ้นต่อภาวะ Covid-19 ในเวลานี้ ที่ดูจะส่งผลให้ช่วยบรรเทาผลกระทบจากการระบาด ผ่านการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ดูเหมือนมาตรการของญี่ปุ่นจะมีความสำเร็จ โดยอัตราว่างงานญี่ปุ่นปรับลดลงมาที่ 3% น้อยกว่าระดับ 7% - 8% ในสหรัฐฯและประเทศต่างๆในยุโรป

ทั้งนี้ อัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้นเกิดจากภาวะคนว่างงานชั่วคราวในกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันภาวะล้มลายในภาคบริษัทก็อาจเพิ่มสูงขึ้นด้วย หากเศรษฐกิจยังใช้เวลานานในการจัดการกับผลกระทบของไวรัสโคโรนา


· นายซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับไบเดน "ย้ำความสำคัญ" ของสายสัมพันธ์สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น ภายใต้ยุทธศาสตร์การค้า (Free and Open Indo-Pacific หรือ FOIP)


· ผู้นำเกาหลีใต้ เผย การพูดคุยทางโทรศัพท์กับ "นายไบเดน" ยังยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการเป็นชาติพันธมิตรและสันติภาแห่งคาบสมุทรเกาหลี

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงความมุ่งมั่นของนายไบเดน เกี่ยวกับการจัดการปัญหาที่ท้าทายความสามารถทั่วโลกในเวลานี้ คือเรื่องของ "วิกฤต Covid-19" และ "การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ"


· เกาหลีเหนือจะใช้ "การทดสอบขีปนาวุธ" เพื่อบังคับให้ "นายไบเดน" ตั้งใจเจรจา


· ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น จากการลดลงของอุปทานช่วยชดเชยอุปสงค์ที่อ่อนแอได้

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อ และตลอดสัปดาห์นี้มีการปรับตัวขึ้นได้แล้วกว่า 10% จากความหวังที่เพิ่มขึ้นมากกว่า บรรดากลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ (OPEC) จะยังไม่ทำตามแผนการเพิ่มอุปทานออกไปก่อน จากจำนวนยอดผู้ติดเชื้อไวรัสที่เพิ่มขึ้นและเป็นอุปสรรคต่ออุปสงค์น้ำมัน

โดยน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 17 เซนต์ หรือ 0.4% ที่ระดับ 41.62 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือวมากว่า 0.2% ที่ระดับ 43.87 เหรียญ/บาร์เรล


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของแอลจีเรียกล่าวเมื่อวาน ว่า OPEC + และพันธมิตร รวมถึงรัสเซีย อาจจะขยายการลดกำลังการผลิตในปัจจุบันที่ 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2021 ให้ลดลงไปอีกหากจำเป็น

· IEA คาด วัคซีน Covid-19 "ไม่มีแนวโน้ม" จะช่วยพยุงตลาดน้ำมันในเวลานี้

IEA ทำการปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมัน และไม่คิดว่าวัคซีน Covid-19 จะช่วยหนุนอุปสงค์น้ำมันได้ "จนกว่าจะถึงปีหน้า" และคาดว่า

ปี 2020: อุปสงค์น้ำมันจะหดตัวลงประมาณ 8.8 ล้านบาร์เรล/วัน (ลดลงจากคาดการณ์เดิม 0.4 ล้านบาร์เรล)

ปี 2021: อุปสงค์น้ำมันน่าจะโตได้ 5.8 ล้านบาร์เรล/วัน (ปรับเพิ่มจากคาดการณ์เดิม 0.3 ล้านบาร์เรล)

การปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้ เป็นผลมาจากยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในสหรัฐฯและยุโรป และเตือนว่า ขณะที่ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินได้ว่า "วัคซีน" จะช่วยให้เรากลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และ IEA ไม่คาดว่าจะมีอะไรส่งผลกระทบกับคาดการณ์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2021

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com