• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563

    17 พฤศจิกายน 2563 | Gold News

ทองคำปิดแดนบวก หลังจากที่ยอดติดเชื้อไวรัสพุ่งหนัก บดบังข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับวัคซี

· ราคาทองคำปิดปรับขึ้นได้หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 1.3% วานนี้ทำระดับต่ำสุดแถว 1,864 เหรียญ จากแรงกดดันของข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนบริษัท Morderna ที่เป็นบริษัทที่สองที่ออกมาเผยผลทดสอบออกมามีประสิทธิภาพ ขณะที่การรีบาวน์กลับเมื่อคืนนี้ได้รับอานิสงส์จาก

- กลุ่มนักลงทุนมีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนา

- ความกังวลต่อการสนับสนุนทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม

· ราคาทองคำตลาดโลกปิดทรงตัวบริเวณ 1,887.10 เหรียญ

· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.1% ที่ระดับ 1,887.80 เหรียญ

· สำหรับการการปรับตัวลงขานรับวัคซีนเมื่อคืนนี้ของทองคำก็ยังน้อยกว่าช่วงที่ Pfizer เผยผลทดสอบวัคซีนเป็นบริษัทแรกและกดดันให้ทองคำร่วงลงไปกว่า 5%

· หัวหน้านักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า วัคซีนค่อนข้างเป็นข่าวที่ดีมากๆ แต่ปัญหาอยู่ที่การใช้เวลาในการพัฒนาวัคซีนให้สมบูรณ์ รวมทั้งการจัดส่งให้แก่หลายๆประเทศ

ดังนั้น การมีวัคซีนหรือไม่มีวัคซีนในเวลานี้ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ “ยากลำบากต่อภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ” จนถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 ขณะที่ภาพรวมมีแนวโน้มที่จะเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ที่อาจช่วยหนุนให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นใกล้ระดับเป้าหมายได้

· นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank กล่าวว่า ขณะที่ตลาดมีการประเมินว่าสภาพเศรษบกิจอาจเข้าสู่ภาวะ “ปกติ” ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 แต่ก็ยังคงมีช่องว่างทางเศรษฐกิจโลกอย่างมากที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากทางภาครัฐบาลและธนาคารกลางต่างๆ

· FXStreet แนะจับตา 1,860 เหรียญ หลังมีข่าววัคซีน Morderna ประสิทธิภาพสูง 94.5% เช่นเดียวกับ Pfizer ที่เผยวัคซีนมีประสิทธิภาพ 90% ในสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ตลาดรอข่าวดี จากบริษัทผู้เข้าร่วมทดสอบวัคซีนรายอื่นๆ อาทิAstraZenaca, Johnson&Johnson และ CureVac เป็นต้น

ผลการทดสอบที่บ่งชี้ถึงโอกาสจะก้าวออกจากวิกฤติ Covid-19 ได้เร็วขึ้น ก็ยังจำเป็นที่จะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐแม้จะวงเงินน้อยลง หรือแม้แต่การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และทั้งหมดนี้อาจทำให้ทองคำปรับขึ้นได้เพียงเล็กน้อย

นักวิเคราะห์จาก FXStreet วิเคราะห์ว่าในทางเทคนิค ราคาทองคำเผชิญกับแนวต้านสำคัญ 1,877 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับ Convergence ของ Bollinger Band ในรายที่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง, Fibonnacci 23.6% ราย 1 เดือน และ 1 สัปดาห์ ซึ่งหากผ่านระดับนี้ได้มีโอกาสทดสอบบริเวณ 1,889 เหรียญ ที่พยายามขึ้นมาทดสอบหลายครั้ง และเป็นระดับสำคัญของเส้น SMA ราย 50 วันและ 15 วัน รวมทั้ง Fibonacci 23.6% ราย 1 วัน และ 38.2% ราย 1 เดือน

แต่ต้องระวังการอ่อนตัวมาบริเวณแนวรับ 1,865 เหรียญ ซึ่งเป็น Pivot Point รายวันที่เป็นแนวรับที่ 2 เพราะหากหลุดลงมาจะเจอกับระดับสำคัญ 1,860 เหรียญ ที่เคยเป็นต่ำสุดก่อนหน้าและเป็น Fibonacci 61.8%

ทั้งนี้ ระดับแนวต้านก็ดูจะแข็งแกร่งกว่าแนวรับ ที่จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะขาลงได้ต่อ

· คาดการณ์ราคาทองคำและโลหะมีค่าของสถาบันการเงินต่างๆ

UBS Group คาดว่า

- ราคาทองคำจะปรับขึ้นแถว 2,000 เหรียญได้ในเดือนธ.ค. จากแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

- ราคาแพลทอนัมอาจแตะ 1,150 เหรียญ ภายในช่วงสิ้นปี 2021 จากกิจกรรมภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวขึ้น และอุปสรรคด้านอุปทานจากแผนของบริษัท Anglo Platinum

Goldman Sachs

- คาดราคาทองคำเป็นขาขึ้น มีระดับราคาเป้าหมายที่ 2,300 เหรียญในปีหน้า จากการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อและการใช้อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ

โดยทองคำมักถูกเข้าซื้อเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินดอลลาร์ ที่คาดว่าตลาดค่าเงินในเวลานี้ค่อนข้างผันผวนจากภาวะอ่อนไหวมากขึ้นของอัตราดอกเบี้ยแท้จริงระยะสั้น


· Kitco รายงานปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำเวลานี้

- รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของรัสเซีย อนุญาตให้กองทุนตราสารหนี้ในเกณฑ์ดีสามารถ “ลงทุนในทองคำ” ได้ ภายใต้การแก้ไขร่างกฎหมายฉบับปรับปรุงที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของรัฐบาล

- กองทุน Gold ETFs มีการเทขายอย่างหนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่ามากที่สุดตั้งแต่เดือนมี.ค. จากโอกาสเกิดวัคซีน กดดันความต้องการทองคำ

- Bloomberg รายงานว่า นักลงทุนมีการขายทองคำออกไม่น้อยกว่า 18 ตันจากกองทุน ETFs ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

- ตลาด LBMA ส่งจดหมายถึงหลายๆประเทศที่เป็นตลาดทองคำรายใหญ่ เพื่อเป็นคำเตือนว่า จะนำรายชื่อประเทศขึ้นบัญชี “Blacklist” หากพวกเขายังล้มเหลวในการหาทางออกสำหรับการสร้างมาตรฐานจัดการการฟอกเงิน และความรับผิดชอบมในการจัดหาทองคำ

ในจดหมายดังกล่าว ยังระบุว่า ประเทศที่ไม่ประกาศสนับสนุนมาตรฐานของ LBMA ภายใน 11 ธ.ค. จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้หลังจากเดือนม.ค. เป็นต้นไป ประเทศเหล่านั้นจะไม่สามารถเข้าถึงอุปทานที่อ้างอิงความบริสุทธิ์ตามมาตรฐานของ LBMA

ทั้งนี้ การดำเนินการล่าสุดของ LBMA สะท้อนถึงการร่วมเป็นสมาชิกในการลดการซื้อขายทองอย่างผิดกฎหมายหรือขาดจรรยาบรรณ

- SSR Mining มีการลดกำลังการผลิตทองคำในเหมืองแถบ Seabee เพื่อสอดคล้องกับงบประจำปี โดยช่วงไตรมาสที่ 3/2020 พบการผลิตทองลดลง 37% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 20,249 ออนซ์ และถึงแม้ว่าข่าวนี้จะเป็นข่าวลบ แต่หุ้นบริษัทกลับขึ้นได้ 10% จากความแตกต่างในการดำเนินนโยบาย

- เทศกาล Diwali ของอินเดียที่เริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ก็ดูจะไม่สามารถหนุนอุปสงค์ทองคำจิวเวลรีได้อย่างแข็งแกร่ง จากราคาทองคำภายในประเทศอินเดียที่ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การระบาดของ Covid-19 มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อยอดขายปีนี้ด้วย

- Bloomberg รายงานว่า กลุ่มนักลงทุนมีการเทขาทองคำอย่างหนักในช่วงปิดไตรมาส 3 ในวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา จึงเห็นราคาร่วงหลุดต่ำกว่า 1,900 เหรียญ หลังจากที่ขึ้นไปเหนือ 2,000 เหรียญได้ในช่วงเดือนส.ค.

นอกจากนี้ กลุ่มผู้จัดการกองทุนรายใหญ่ก็มีการขายทองหรือหุ้นเหมืองทองของตัวเองออกมาด้วย

· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,234.32 ตัน

· ราคาซิลเวอร์ปิดอ่อนตัวลง -0.1% ที่ระดับ 24.61 เหรียญ

· ราคาแพลทินัมปิด +3.2% ที่ 916.98 เหรียญ

· ราคาพลาเดียมปิด +0.2% ที่ 2,327.44 เหรียญ


· CORONAVIRUS UPDATES:


ยอดติดเชื้อทั่วโลกสะสมล่าสุด 55.33 ล้านราย และมียอดเสียชีวิตสะสม 1.33 ล้านราย

ยอดติดเชื้อในสหรัฐฯสูงกว่า 11.533 ล้านราย และมียอดเสียชีวิตรวมสูงกว่า 252,000 ราย

· “กฎแห่งการอยู่รอด”: ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ส่งสัญญาณเตือนต่อ ‘การเข้าถึงวัคซีน Covid’ อย่างยุติธรรม

นางซูรี มูน ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพทั่วโลกประจำ Graduate of Institute (ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระดับโลก, เจ้าหน้าฝ่ายการจัดการกับโรคติดต่อ) กล่าวว่า

* กลุ่มประเทศที่มี “รายได้สูง”

- อาจปรับตัวได้อย่างเหมาะสมกับสภาวะการเอาตัวรอด ณ ปัจจุบัน

- มั่นใจต่อกระบวนการจัดหาวัคซีนสำหรับไวรัสโคโรนาได้

* กลุ่มประเทศ รายได้น้อย”

- มีแนวโน้มในการรับปริมาณวัคซีนที่พร้อมใช้งานสวนทางกับประเทศรายได้สูง (ไม่เพียงพอ)

“การแข่งขันในการจัดส่งวัคซีน” ในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้เกิดการช่วงชิงวัคซีนให้ได้ในอนาคต ก่อนที่วัคซีนจะถูกรับรองทางด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพก่อนผลิตก็ตาม

สรุปได้ว่า: “ทุกประเทศ” ควรแนะนำการกำหนดแนวทางการจัดการเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า สุขภาพของ

- กลุ่มแรงงาน

- ประชาชนที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขทางด้านประกันสุขภาพ

- ผู้สูงอายุ

ทั้งหมดนี้ ควรจะเป็นกลุ่มแรกๆที่เข้าถึงโอกาสการได้รับวัคซีน


· ริชาร์ด แคลริด้า รองประธานเฟด กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯมีโอกาสฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วกว่าที่คาดจากโอกาสที่วัคซีนจะประสบความสำเร็จมากขึ้น

· ไบเดน ชี้ ประชาชนอาจสูญเสียมากกว่านี้ หากนายทรัมป์ยัง “บล็อก” การจัดการเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนา ผ่านการถ่ายโอนอำนาจในช่วงที่สถานการณ์ของไวรัสโคโรนาเลวร้ายลง

ขณะเดียวกัน นายไบเดน ก็เรียกร้องให้สภาคองเกรสร่วมมือกันผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ ท่ามกลางกลุ่มผู้นำภาคธุรกิจและรงงานที่ส่งสัญญาณถึงความตั้งใจที่จะร่วมมือกันต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจที่ได้รับผลจาก Covid-19 ดังนั้น การจัดการการระบาดของไวรัสจึงเป็น “เรื่องแรก” ที่ต้องนำมาให้อยู่ภายใต้การควบคุม

· ฟิลาเดเฟียมีคำสั่งห้ามรวมกลุ่มในสถานที่เปิดต่างๆ จากยอด Covid-19 ที่พุ่งสูงขึ้นในสหรัฐฯ

· นักการเมืองฝรั่งเศส แสดงความต้องการกลับมาเปิดทำการร้านค้าบางแห่งในช่วงเทศกาล Black Friday 27 พ.ย. นี้

· รัฐบาลเยอรมนีจะใช้กลยุทธ์ Wait&See และเลื่อนการตัดสินใจว่าจะขยายมาตรการ Lockdown ออกไปจากวันที่ 25 พ.ย.นี้หรือไม่

· รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนี ระบุว่า ห่วงโซ่อุปทานอียูยังคงเดิม แม้จะเผชิญการระบาดของ Covid-19

· หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ECB ระบุว่า การเพิ่มขึ้นของยอดค่าใช้จ่ายในยุโรปจะไม่ส่งผลให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพของระดับหนี้ภายในภูมิภาค แม้ว่าสมาชิกบางรายในยูโรโซนจะเผชิญกับระดับหนี้จำนวนมหาศาล

ขณะที่ภาครัฐบาลต่างๆในภูมิภาคดูจะมียอดขาดดุลที่เพิ่มมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ อันเนื่องจากการรักษาสภาพเศรษฐกิจจากการใช้มาตรการ Lockdown แ ละระดับหนี้สาธารณะที่มีแนวโน้มแตะ 100% ของจีดีพีปีนี้ได้ แต่ทั้งหมดนี้ก็จะค่อยๆลดลงในปีหน้าและปี 2022

สำหรับอีซีบีก็มีการคงระดับดอกเบี้ยไว้ต่ำเป็นประวัติการณ์ และรัฐบาลต่างๆเองก็จำเป็นต้องร่วมมือในการรักษาเสถียรภาพของประเทศตนเองจนกว่าวัคซีนจะสำเร็จและมีการยกเลิกการใช้มาตรการคุมเข้มต่างๆ

แต่แผนการระดมทุนจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูอียูวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร ประสบปัญหาไปเมื่อวานนี้ หลังจากที่ฮังการีและโปร์แลนด์ ใช้สิทธิวีโต้เพื่อบล็อกการอนุมัติกองทุนดังกล่าว และทำให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้นว่าการจัดตั้งกองทุนครั้งนี้อาจถูกเลื่อนออกไป

· ฮังการีจ่อเพิ่มตึงเครียดทางการเมืองด้วยการใช้สิทธิ “วีโต้” ต่อข้อกฎหมายงบประมาณอียูฉบับปี 2021-2027 กรณีการจัดสรรเงินของกองทุนอียู

· เจ้าหน้าที่อียู กล่าวว่า “อาจสายเกินไป” สำหรับข้อตกลงการค้าอังกฤษ ที่จะตกลงกันได้ก่อนปี 2021 แม้ว่าจะกลับมาเจรจาข้อตกลง Brexit ดังกล่าวในสัปดาห์นี้ หรือสัปดาห์หน้า

ประเด็นไอร์แลนด์ ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นใหญ่สำหรับเรื่องนี้ ที่ใช้เวลานานกว่า 10 วันเพื่อปลดล็อกการเจรจาปัญหาด้านภาษีและโควตาต่างๆมูลค่านับล้านล้านเหรียญ ต่อยอดดุลการค้ารายปี ที่เหลือเวลาอีกเพียง 6 สัปดาห์ “หรือต้องตกลงกันให้ได้ก่อนข้อกำหนดทางภาษีและโควตาต่างๆจะมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. เป็นต้นไป” ที่อาจส่งผลต่อการพาณิชย์มูลค่านับล้านล้านเหรียญต่อปี

คณะผู้แทนเจรจาทางการทูตของอียู ชี้ อังกฤษมีหลายทางเลือกสำหรับข้อตกลงการค้า หากอียูต้องการให้เกิดข้อตกลงฉบับใหม่ ขณะที่ล่าสุดก็ยังตกลงกันไม่ได้ และยังมีหลายๆประเด็นที่ขัดแย้งกันอยู่

· คณะกรรมาธิการการเลือกตั้งในรัฐวิสคอนซิน ชี้ การนับคะแนนใหม่จะส่งผลให้นายทรัมป์ต้องจ่ายค่าดำเนินการเองประมาณ 7.9 ล้านเหรียญ

ขณะที่ผลการนับคะแนนพบว่า นายไบเดน นำนายทรัมป์ในรัฐดังกล่าวอยู่ที่ 0.7% หรือประมาณ 20,000 โหวต ท่ามกลางการนับบัตรเลือกตั้งผ่านทางไปรษณีย์ที่แล้วเสร็จ 99%


· นักบริหารการเงิน ระบุว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00 – 30.50 บาท/ดอลลาร์

เมื่อวานนี้ 'สศช.'แถลงจีดีพีไตรมาส 3/63 ขยายตัว 6.5% เมื่อเทียบไตรมาสก่อน แต่ติดลบ -6.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน พร้อมปรับประมาณการจีดีพีดีขึ้นเป็น -6% จากเดิม -7.5%และมองว่าเศรษฐกิจไทยค่อยๆฟื้นตัวอย่างช้าๆหลังผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

ส่วนในวันพุธ (18 พ.ย.) มองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% โดยเชื่อว่ากนง.จะประเมินว่าเศรษฐกิจในประเทศและเงินเฟื้อมีแนวโน้มพื้นตัวช้า แต่ต้องจับตาธปท.จะมีมุมมองเชิงบวกกับเศรษฐกิจโลกมากขึ้นหรือไม่ หลังความหวังเรื่องยาต้านไวรัส COVID-19 ใกล้เป็นความจริง

ส่วนในฝั่งตลาดเงิน สัปดาห์ก่อนเป็นภาพการฟื้นตัวของดอลลาร์เนื่องจากตลาดขายสินทรัพย์ปลอดภัยและกลับเข้าลงทุนในหุ้นวัฏจักร (Cyclical) จากข่าวความสำเร็จของยาต้านไวรัส แต่สกุลเงินเอเชียกลับไม่อ่อนค่าลงเนื่องจากมีเงินทุนไหลเข้าเช่นกัน ในสัปดาห์นี้ถ้าตัวเลขเศรษฐกิจเอเชียฟื้นตัวต่อ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นกระแสเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะกดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าอีกครั้ง

· อ้างอิงสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ร่าง ที่รัฐสภาเตรียมที่จะพิจารณากันในวันที่ 17 และ 18 พ.ย. นี้

- ม็อบราษฎร เตรียมปักหลักชุมนุม 17 พ.ย.ล้อมรัฐสภา จับตาลงมติร่างแก้ไขรธน.

สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ฉบับ ที่จะเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ประกอบด้วย ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับเดิม ที่มีการตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนนำไปสู่การพิจารณารับหลักการของรัฐสภา และอีก 1 ฉบับ ซึ่งเป็นร่างฉบับประชาชน ที่กลุ่มโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ได้นำเสนอเข้ามา


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com