· ดอลลาร์ทรงตัว แต่ตลาดกังวลเกี่ยวกับ Covid-19 และการส่งมอบอำนาจให้แก่ “ไบเดน”
ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางการกลับมาใช้มาตรการคุมเข้าในบางพื้นที่ของสหรัฐฯ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการส่งมอบอำนาจว่าจะเป็นไปอย่างราบรื่นให้แก่ “นายไบเดน” ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่หรือไม่ ทั้งหมดนี้จึงบดบังมุมมองเชิงบวกของข่าววัคซีน Covid-19
ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นหลังมีรายงานว่า “อังกฤษอาจบรรลุข้อตกลงการค้าแบบ Post-Brexit กับทางอียูได้ภายในช่วงต้นสัปดาห์หน้า”
ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 92.503 จุด ใกล้กับระดับต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์
ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1858 ดอลลาร์/ยูโร และมีการปรับอ่อนค่าต่อเนื่อง 4 วันทำการ
ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้น 1.3221 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 104.52 เยน/ดอลลาร์
นักลงทุนรอคอยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ
20.30น. – ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ
21.15น. – ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ
ยอดติดเชื้อใหม่ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในอังกฤษ, ยุโรป และญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ค่าเงินหยวนปรับแข็งค่าขึ้นแตะ 6.5678 หยวน/ดอลลาร์ หลังทำระดับแข็งค่ามากสุดรอบ 28 เดือนในสัปดาห์ที่แล้ว จากข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวกของจีนที่ยังเป็นปัจจัยหนุนค่าเงิน
· ความสำเร็จของ Moderna ในการพัฒนาวัคซีน “จุดประกายความหวังโลก”
นักวิเคราะห์ระบว่า ความสำเร็จของวัคซีนบริษัท Moderna จากผู้ติดเชื้อจำนวน 95 ราย เป็นเพียงข้อมูลประกอบ เนื่องด้วยมีเพียง 5 รายของผู้ติดเชื้อเท่านั้นที่ได้รับวัคซีน mRNA-1273 จำนวน 2 โดสในช่วง 28 วันที่ผ่านมา
ดร.แอนโธนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดระดับสูงของสหรัฐฯ กล่าวว่า วัคซีนดูจะช่วยจุดประกายความหวังให้แก่ทุกคน ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ชาวอเมริกายังคงไม่หยุดหรือลดการป้องกันตัวเองตามมาตรการที่ควรปฏิบัติ ทั้งการล้างมือบ่อยๆ หรือการเว้นระยะห่างทางสังคม
แม้ว่าจะมีรายงานประสิทธิภาพด้านตัวยาต้านไวรัสเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่วัคซีนก็จะยังไม่เกิดขึ้นได้ในเร็วๆนี้ก่อนช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง “Thanksgiving” ไปจนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพค่อนข้างวิตกกังวลและเตือนถึงความระมัดระวังอย่างมาก
อย่างไรก็ดี วัคซีนของบริษัท Moderna คาดว่า ข้อมูลดูจะมีความปลอดภัยเพียงพอให้กลุ่มผู้กำหนดนโยบายพิจารณาได้ภายในสัปดาห์หน้า หรืออาจมีการอนุมัติใช้ฉุกเฉิน (EUA) ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
· ความมีเสถียรภาพของวัคซีนจาก Moderna ช่วยผ่อนคลาย “ความท้าทาย” ในการกระจายหรือส่งมอบวัคซีน
· ความคืบหน้าวัคซีน Covid-19 ของ “Pfizer” และ “Moderna” อาจช่วยยุติการระบาดได้ในปี 2021
หนึ่งในสมาชิกบอร์ดของบริษัท Pfizer เผยว่า การจัดการการระบาดของไวรัสโคโรนาอาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในช่วงสิ้นปีหน้า ท่ามกลางความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีน หากเราได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์และใช้ได้จริง
· นักวิเคราะห์ แม้ว่าวัคซีนจะคืบหน้า - นักลงทุนก็ยังจับตา “การสนับสนุนของเฟด” จากติดเชื้อ Covid-19 ที่เพิ่มขึ้น
กลุ่มนักลงทุนกำลังเพิ่มน้ำหนักไปยังโอกาสที่จะเห็น เฟดเพิ่มการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากยอดติดเชื้อ Covid-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น และเพื่อเป็นการแทรกแซงการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ทำระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน
ข่าวความคืบหน้าของ 2 วัคซีนที่กำลังอยู่ในกระบวนการทดลองขั้นสุดท้าย ส่งผลให้
- นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้นทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นักลงทุนบางส่วน เชื่อว่า การเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา จะส่งผลให้
* เกิดการคุกคามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้อย่างเปราะบางของสหรัฐฯ
* มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีแนวโน้ม “จะถูกเลื่อนออกไป”
* วัคซีนยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนจึงจะ “สมบูรณ์”
ขณะที่ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ในสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1 ล้านราย
ปัจจัยเชิงลบต่างๆที่เกิดขึ้น อาจส่งผลให้เฟด “เพิ่มการสนับสนุน” มากขึ้น ท่ามกลางเฟดที่มีการเข้าซื้อสินทรัพย์ต่างๆในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเฟดเองก็ไม่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความตั้งใจที่จะเพิ่มการเข้าซื้ออีกในการประชุมระหว่าง 15 – 16 ธ.ค.นี้ โดยกลุ่มนักลงทุนรอฟังถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ด้วยท่าทีระมัดระวังต่อสิ่งที่เฟดกำลังพิจารณาอยู่
หัวหน้านักวิเคราะห์ค่าเงิน G10 และนักกลยุทธ์ด้านเศรษฐกิจระดับมหภาคของ Standard Chartered เชื่อว่า เฟดอาจสร้างเซอร์ไพร์สแก่ตลาดด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์เพิ่ม 1.20 แสนล้านเหรียญ ในช่วงก่อนการประชุมเฟดในเดือนธ.ค. หากเฟดพิจารณาว่า “ยอดติดเชื้อใหม่ที่กำลังเพิ่มขึ้น กำลังกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจ”
ปัจจุบันนี้ เฟดมีการเข้าซื้อสินทรัพย์แล้วไม่น้อยกว่า 8 หมื่นล้านเหรียญ/เดือน นับตั้งแต่ที่เกิดการเริ่มต้นระบาดของไวรัสโคโรนา
นักวิเคราะห์จาก JPMorgan คาดว่า เฟดน่าจะทำการเข้าซื้อตราสารนี้เพิ่มขึ้นในการประชุมเดือนธ.ค. นี้ และนี่จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลง
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส จาก Pictet Wealth Management กล่าวว่า เฟดน่าจะทำการเพิ่มการเข้าซื้อพันธบัตรที่ 1.60 แสนล้านเหรียญ/เดือน ในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ แม้ว่าจะมีข่าวดีเรื่อง “วัคซีน” ที่จะมาช่วยหนุนเศรษฐกิจก็ตาม โดยเฟดจะนำบทเรียนจากประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมามาประกอบการตัดสินใจ”
· “ไบเดน” ฟอร์มทีมทำเนียบขาว – “ทรัมป์” พยายามวิ่งเต้นดำเนินการทางกฎหมาย
นายโจ ไบเดน ผู้ถูกเลือกเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ จะให้ความสำคัญกับการจัดตั้งทีมบริหารประจำทำเนียบขาวในวันนี้ ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันกำลังสร้างแรงกดดันด้วยการด้วยการวิ่งเต้นฟ้องร้องเพื่อต่อสู้กับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่เลือกตั้งของทีมบริหารระดับอาวุโสของนายไบเดน กำลังหารือกันถึงแนวทางการส่งมอบอำนาจให้แก่ทีมบริหารชุดใหม่ที่จะเข้าสู่ทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค. และอาจมีการประกาศรายชื่อทีมงานเร็วที่สุดในวันนี้
นายไบเดน เรียกร้องให้สภาคองเกรสรีบผ่านร่างมาตรการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโคโรนา หลังจากที่การเจรจาหยุดชะงักมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง 3 พ.ย.
นายไบเดน เอาชนะนายทรัมป์ไปด้วยคะแนน 306 ต่อ 232 เสียง รวมทั้งยังชนะคะแนน Popular Votes ไปไม่น้อยกว่า 5.6 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 3.7% ท่ามกลางบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ที่ยังนับไม่แล้วเสร็จ
เจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งระบุว่า ยังไม่พบหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าทั้ง 2 พรรค มีการดำเนินการอย่างผิดกฎหมายการเลือกตั้ง และกล่าวตำหนิถึงข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงด้วยความมั่นใจที่มากเกินไปว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้มีการโกงคะแนนเกิดขึ้น
· Invesco คาด ปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อทีมบริหารของนายไบเดน จะทำให้ตลาดประสบภาวะ ‘Goldilocks’ ในปี 2021 โดยมีเวลาอีกเพียง 2 เดือนโดยประมาณที่นายไบเดนจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดโลกจาก Invesco มองว่า ตลาดมีความผันผวนในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ ท่ามกลางผลทดสอบวัคซีนที่ดูจะเป็นไปในเชิงบวกมากขึ้นสำหรับปีแรกภายใต้การบริหารของผู้นำสหรัฐฯคนใหม่
แต่ตลาดก็อาจเผชิญกับสภาวะ ‘Goldilocks’ ที่ไม่ได้ร้อนแรงมากเกินไป จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะ Blue Wave ที่อาจไม่สามารถบรรลุผลได้ตามคาดการณ์ และน่าจะไม่เห็นการขึ้นภาษี และเชื่อความกังวลครั้งใหญ่ของนักลงทุนตั้งแต่เข้าสู่การเลือกตั้งในเวลานี้
แต่ปัจจัยบวกที่แท้จริงก็คือ “การที่เราจะได้เห็นแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่เป็นแบบแผนมากขึ้น” และนี่ถือเป็นปัจจัยบวกต่อนักลงทุน
ความเป็นไปได้ของการแยกกันครองสภาล่างและสภาสูงก็เป็นที่แน่นอนว่า “นักลงทุนจะไม่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านภาษี”
ภาพรวม “นายไบเดน” มีแนวโน้มจะเข้ามาจัดการกับ
- การระบาดอขงไวรัสโคโรนา
- การสนับสนุนค่าใช้จ่ายภาครัฐบาล
- การสนับสนุนความคืบหน้าของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน 2 แห่งล่าสุด
การมาของวัคซีนจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือ “Gam Changer” แต่ก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะเห็นเศรษฐกิจแข็งแกร่งได้จนกว่าจะเริ่มเข้าสู่ปี 2021 เนื่องจากต้องต่อสู้กับภาวะ Covid-19 ที่ย่ำแย่มากกว่าการปรับตัวดีขึ้น แต่หากปี 2021 สามารถกระจายวัคซีนได้บางส่วน ก็มีแนวโน้มที่จะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง
· ผู้กำหนดนโยบายจีนหวังสัมพันธ์ “สหรัฐฯ-จีน” ดีขึ้นภายใต้ทีมบริหารของนายไบเดน โดยคาดว่าจะสามารถพบกันได้คนละครึ่งทางและจัดการกับความแตกต่างเพื่อผลักดันให้ความสัมพันธ์กลับมาดีขึ้น
· HSBC คาด สหรัฐฯอาจต้องการยุติข้อตกลงการค้าทวิภาคี หลังจากที่เกิดข้อตกลงการค้าขนาดใหญ่ในเอเชียวานนี้ (RCEP)
· รัฐมนตรีสิงคโปร์ ชี้ “หนทางยังอีกไกล” ก่อนที่จะมีวัคซีน Covid-19 จึงยังจำเป็นต้องใช้มาตรการอื่นๆเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเวลานี้
· ส่งออกสิงคโปร์เดือน ต.ค. ร่วงลงเกินคาดแตะ 3.1% เมื่อเทียบปีก่อน ขณะที่เดือนก.ย. ปรับทบทวนขึ้นมาที่ 5.8%
ด้านยอดส่งออกรายเดือนลดลงแตะ -5.3% หลังจากที่หดตัวลง -11.4% ในเดือนก.ย.
· เกาหลีใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม พร้อมเตือนวิกฤต Covid-19 รอบใหม่
· ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อ ท่ามกลางตลาดรอประชุม OPEC+ และความหวังซีน
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากคาดการณ์ที่ว่ากลุ่ม OPEC และประเทศสมาชิกจะทำการ “ขยายการปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน” ท่ามกลางความเชื่อมั่นในตลาดที่ได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าของวัคซีน Covid-19
สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนม.ค. ปรับขึ้น 18 เซนต์ หรือ +0.4% แถวระดับ 44.00 เหรียญ/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับขึ้น 8 เซนต์ หรือ +0.2% บริเวณ 41.42 เหรียญ/บาร์เรล
ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับขึ้นจากความหวังที่จะเห็นเศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่บริษัท Moderna Inc เผยผลทดสอบวัคซีนประสิทธิภาพสูงกว่า 94.5% ในการทดลองขั้นสุดท้าย หลังจากที่วัคซีนของบริษัท Pfizer เผยออกมาในสัปดาห์ก่อนมีประสิทธิภพสูงกว่า 90%
OPEC+ จะมีการเข้าประชุม JMMC ในวันนี้ ที่อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโควตาการผลิตในการประชุมร่วมกับบรรดาคณะรัฐมนตรีทั้งหมดในวันที่ 30 พ.ย. – 1 ธ.ค.
กระทรวง EIA ของสหรัฐฯ คาดว่ากำลังการผลิตน้ำมัน Shale ในเดือนธ.ค. จะปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.