· ค่าเงินดอลลาร์ฟื้น หลังรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯยันไม่ต่อเวลาโครงการปล่อยกู้โควิด
ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นในวันนี้ หลังจากที่นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศว่าโครงการเงินกู้ฉุกเฉินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19
โดยดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นมาแถว 92.306 จุด หลังลงไปทำต่ำสุดที่บริเวณ 92.236 จุดเเมื่อวานนี้ สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ยังปรับลง 0.3%
ด้านค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวทรงตัวแถว 1.1874 ดอลลาร์/ยูโร แต่ไม่ไกลจากระดับสูงสุดของสัปดาห์นี้ที่ 1.18935 ดอลลาร์/ยูโร และเพิ่มขึ้น 0.3% ในสัปดาห์นี้
ค่าเงินเยนทรงตัวแถว 103.80 เยน/ดอลลาร์ และเงินหยวนของจีนทรงตัวที่ 6.5716 หยวน/ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ที่ 6.5318 หยวน/ดอลลาร์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ขณะที่ bitcoin ยังคงมีแนวโน้มที่ดีโดยซื้อขายที่ 17,971 เหรียญ ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี
· มนูชินตัดสินใจลดอำนาจปล่อยเงินกู้ของเฟด แต่แหล่งข่าวชี้อาจมีการใช้โครงการฉุกเฉินได้
นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ตัดสินใจอนุมัติให้หลายๆโครงการปล่อยเงินกู้ของเฟด "หมดอายุลงในวันที่ 31 ธ.ค." ทำให้เกิดกระแสเกี่ยวกับการลดทอนความสามารถในการดำเนินการของเฟดเพื่อสนับสนุนระบบการเงิน
แหล่งข่าว มีการเปิดเผยถึงสถานการณ์นี้ว่า "เฟดอาจยังตัดสินใจใช้อำนาจในการปล่อยเงินกู้ต่อหากสถานการณ์ทางการเงินประสบปัญหา"
ทั้งนี้ นายมนูชินมีการส่งจดหมายถึง นายเจอโรม โพเวลล์ โดยระบุว่า เม็ดเงิน 4.55 แสนล้านเหรียญ ที่จัดสรรให้กับกระทรวงการคลังภายใต้มาตรการ CARES Act เมื่อช่วงฤดูใบไม้ผลินั้น เงินส่วนใหญ่ได้ถูกจัดสรรให้กับเฟดเพื่อใช้ในโครงการปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจ, องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร และรัฐบาลท้องถิ่น ดังนั้น เฟดควรคืนเงินที่ไม่ได้ใช้ให้กับสภาคองเกรสเพื่อนำไปใช้ในด้านอื่นๆ ต่อไป พร้อมกล่าวแย้งถึงกรณีที่สภาคองเกรสตั้งใจปล่อยให้กองทุนช่วยเหลือหมดอายุลง
อย่างไรก็ดี หลายๆฝ่ายก็ดูจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ และมองว่าเฟดน่าจะพึงพอใจกับการใช้เครื่องมือทุกรูปแบบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นในเวลานี้ อันเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เป็นเรื่องสำคัญและสร้างความผันผวนให้แก่เศรษฐกิจ
· สหรัฐฯขยายเวลามาตรการจำกัดเดินทางข้ามแดนแคนาดา-เม็กซิโกไปจนถึง 21 ธ.ค.
นายชาด วูล์ฟ รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯจะขยายมาตรการจำกัดการเดินทางที่ไม่จำเป็นระหว่างพรมแดนแคนาดาและเม็กซิโกออกไปจนถึงวันที่ 21 ธ.ค.นี้ จากกำหนดเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 21 พ.ย. เนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ มาตรการจำกัดการเดินทางข้ามพรมแดนได้ประกาศบังคับใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ข้อมูลจากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ระบุว่า สหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 11.6 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 251,000 ราย
· อาร์เจนตินามีแผนจะฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา 10 ล้านคนภายในเดือนก. พปีหน้า
นายอัลเบอร์โต เฟอร์นันเดซ ประธานาธิบดีของอาร์เจนตินา ระบุว่า รัฐบาลอาร์เจนตินามีเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาให้กับประชาชนจำนวน 10 ล้านคนภายในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2021
โดยจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนราว 5 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งเท่ากับว่า จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ 10 ล้านคนในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ปีหน้า ซึ่งจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับบุคคลที่ทำหน้าที่ด้านการดูแลสุขภาพ ความปลอดภัย และผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
· Nomura คาดเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าสุดในอาเซียน จากเหตุประท้วง-การระบาดของไวรัส
นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท Nomura คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวช้าที่สุดในบรรดาประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เนื่องมาจากผลกระทบจากเหตุการณ์ประท้วงทางการเมืองในประเทศ และการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
· ราคาน้ำมันดิบเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ภาพรวมปรับขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สาม
ราคาน้ำมันมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นรายสัปดาห์ที่สาม แต่ความกังวลเกี่ยวกับจำนวนยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้นและการล็อกดาว์รอบใหม่ในหลายประเทศที่เพิ่มขึ้นที่เป็นกดดันราคาอยู่
โดยแนวโน้มของวัคซีน COVID-19 ที่มีประสิทธิภาพและความหวังว่า OPEC และพันธมิตรจะชะลอกำลังการผลิตไว้อย่างต่อเนื่อง ช่วยหนุนตลาดน้ำมันในสัปดาห์นี้
น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.05% ที่ระดับ 44.22 เหรียญ/บาร์
น้ำมันดิบ WTI มีความเคลื่อนไหวมากขึ้นโดยปรับ ลดลง 4 เซนต์ ที่ระดับ 41.86 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสัญญา WTI สำหรับ ธันวาคมซึ่งจะหมดอายุในวันนี้ลดลง 3 เซนต์ ที่ระดับ 41.71 ดอลลาร์/บาร์เรล